ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม
วีรพร นิติประภา
มิถุนายนถูกถือว่าเป็นเดือน Pride หรือเดือนแห่งความภาคภูมิในตัวเองของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ซึ่งมีการจัดขบวนพาเหรดเดินและงานเฉลิมฉลองในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย แต่น้อยคนจะรู้ว่างานนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการเรียกร้องทางการเมืองที่น่าสนใจมากครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์
เรื่องทั้งหมดเริ่มจากเหตุการณ์ที่ถูกเรียกภายหลังว่า Stonewall Riots หรือจราจลสโตนวอลล์ ย่านกรีนนิชวิลเลจ ในนิวยอร์กซิตี้ วันที่ 28 เดือนมิถุนายน–3 กรกฎาคม ปี 1969 …กว่าครึ่งศตวรรษมาแล้ว
การปะทะจราจลครั้งนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งครั้งแรกระหว่างทางการอเมริกันกับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ในช่วงทศวรรษที่ 60s ก็มีการชุมนุมเรียกร้องของนักเคลื่อนไหว LGBT ตามหัวเมืองใหญ่ทั่วอเมริกามาตลอด
พักนึกภาพตามสักนิดก่อน แรกเริ่มเดิมทีก่อนหน้าหลายพันปี การเป็นคนรักเพศเดียวกันได้รับการต่อต้านจากคริสตจักรมาตลอด ไม่เพียงแต่คนที่รักเพศเดียวกันจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนบาป ในหลายประเทศนี่ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และมีโทษตั้งแต่จำคุกไปจนถึงประหารชีวิต (ปัจจุบันยังมีการลงโทษรุนแรงในหลายประเทศมุสลิมอยู่)
จนมาถึงทศวรรษที่ 60s คนที่แสดงตัวเป็นเกย์ เลสเบี้ยน แดรกควีน ทอมบอยหรือข้ามเพศก็ยังถูกกีดกัน ทั้งโอกาสงาน การเช่าบ้าน กระทั่งการเข้าคลับ บาร์ สถานบันเทิงทั่วไป เรียกว่าเป็น ’คนนอก’ และไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ที่ที่คนเหล่านี้สามารถพบปะสังสรรค์กันจึงต้องเป็นบาร์เฉพาะ และบาร์เฉพาะหรือบาร์เกย์เหล่านี้ก็เป็นบาร์ใต้ดินหรือบาร์เถื่อนด้วย เนื่องจากไม่ได้รับสิทธิ์ให้จดทะเบียนดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาแต่ต้น วนเป็นงูกินหาง …และบาร์สโตนวอลล์ อินที่ว่าก็เป็นหนึ่งในนั้น
นิวยอร์กในเวลานั้นก็เป็นเมืองที่มีประชากรผู้มีความหลากหลายทางเพศอยู่จำนวนมาก และการที่ตำรวจจะบุกจับและปิดบาร์เถื่อนแบบนี้ก็เป็นเหตุประจำวันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ด้วยข้อหาไม่มีใบอนุญาตขายสุรา แต่เที่ยงคืนวันที่ 28 มิถุนายนปีนั้นดูเหมือนตำรวจจะใช้ความรุนแรงกับบรรดาแขกของบาร์สโตนวอลล์เกินความจำเป็นไปสักหน่อย โดยมีการใช้กระบองตีผู้หญิงและหญิงข้ามเพศ
แต่หลังจากจับคนหลายร้อยคนไปแล้ว เรื่องก็กลับไม่จบลงแค่นั้น มีผู้คนเริ่มเข้ามาชุมนุมรอบ ๆ บาร์เพิ่ม และเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากหลักร้อยเป็นหลายพัน มีการเรียกร้องให้ผู้หลากหลายทางเพศเปิดเผยตัวตน และเข้าร่วมชุมนุม การประท้วงยืดเยื้อหลายวัน มีความรุนแรงน้อยใหญ่เกิดขึ้นประปราย และการประท้วงครั้งนั้นเป็นชนวนนำมาซึ่งการเดินขบวนประท้วงของกลุ่ม LGBT ทั่วประเทศอีกหลายครั้ง ซึ่งนำไปสู่การเรียกร้องการได้รับยอมรับในฐานะประชากรที่เท่าเทียมในทางกฎหมายทั่วอเมริกา และลามไปยังยุโรปกับประเทศอื่น ๆ ในเวลาต่อมา รายละเอียดเรื่องนี้สามารถหาอ่านได้ในวิกิพีเดียและเว็บต่าง ๆ ได้
แต่แก่นสารของเรื่องไม่ได้อยู่ที่จราจลที่นั่นวันนั้น หรือกระทั่งการต่อสู้ในเวลาต่อมา หากอยู่ที่การเปิดเผยตัวตนและปฏิเสธที่จะหลบซ่อนของคนที่มีความหลากหลายทางเพศต่างหาก และนั่นก็เป็นที่มาของคำว่าไพรด์ …การยอมรับตัวเองอย่างภาคภูมิ และหลังจากนั้นเมื่อมีการรำลึกถึงเหตุการณ์ในเวลาต่อมาจึงเรียกงานนี้ว่าไพรด์ จากคนไม่กี่คนที่มารวมตัวหน้าบาร์สโตนวอลล์ในปีถัดมา งานไพรด์ค่อย ๆ ขยายกลายมาเป็นพาเหรดประจำปีของคนนับหมื่นนับล้านตามเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อเฉลิมฉลองการเปิดเผยตัวตน เพื่อแสดงความภาคภูมิในตัวเอง เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนมีชีวิตที่เป็นตัวเองและเลิกหลบซ่อนปิดบัง

นับแต่นั้นการเป็นผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ LGBT ซึ่งเคยถูกเข้าใจว่าเป็นแค่รสนิยมทางเพศและเรื่องเพศก็กลายเป็นวิถีชีวิตที่แตกต่างด้วย
มีเรื่องที่ต้องกล่าวเสริมสักเล็กน้อย …ในช่วงศตวรรษที่ 60s ยังเป็นช่วงเวลาที่อเมริกันชนตื่นตัวเรื่องเสรีภาพและความเท่าเทียมอย่างมากด้วย ไม่เพียงแต่เป็นช่วงเวลาของฮิปปี้เสรีชน ดนตรี คนหนุ่มสาว มันยังเป็นช่วงเวลาของการต่อต้านสงคราม การเรียกร้องสิทธิสตรีและเด็ก การต่อต้านการเหยียดสีผิว เป็นช่วงเวลาของการเรียกร้องความเท่าเทียมในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะการศึกษา ค่าแรง โอกาสงาน และนับแต่นั้นมาอเมริกาก็กลายเป็นประเทศแห่งโอกาส เสรีภาพ และความเท่าเทียม และยังเป็นหัวหอกกับตัวอย่างในการเรียกร้องความเสมอภาคของประชากรในประเทศต่าง ๆ ด้วย
ช่างน่าเสียใจ ที่เมื่อมาถึงวันนี้ คนอเมริกันกลับเลือกทรัมป์ ซึ่งมีนโยบายกีดกันถอยหลังไปไกลเกินจินตนาการ มาเป็นประธานาธิบดี
ที่เล่าถึงเรื่องที่มาของเดือนไพรด์ก็เพราะเชื่อว่าหลายคนลืม ว่าแก่นสารของงานนี้ไม่ได้เป็นเรื่องการแต่งตัวสวยงามแล้วมาเดินพาเหรดกันแต่เท่านั้น …มันเป็นเรื่องของความเท่าเทียม เป็นเรื่องของคนชายขอบ คนนอกของสังคม เป็นเรื่องของกฎหมายที่ให้การรับรองคนเท่ากัน …มาตั้งแต่ต้น
และส่วนตัวก็หวังที่จะเห็นงานไพรด์ไทยแลนด์ยึดโยงกับความด้อยโอกาสของผู้ที่ความหลากหลายทางเพศและข้ามเพศมากกว่านี้ และใช้โอกาสเฉลิมฉลองความภาคภูมิในตัวเองนี้เรียกร้อง สร้างการรับรู้ในปัญหาต่าง ๆ ให้กับคนชายขอบ ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานกลางคืนหรือค้าบริการ …ทั้งหญิงและชาย ซึ่งไม่มีตัวตนทางกฎหมาย และไม่ได้รับการปกป้องคุ้มครองพึงมีเท่ากับคนอาชีพอื่น

รณรงค์เรียกร้องให้เยาวชนสามารถเข้าถึงอุปกรณ์คุมกำเนิดได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยปกป้องเด็ก ๆ จากการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล รวมทั้งรณรงค์ให้มีที่พักฉุกเฉินสำหรับเยาวชนและผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ประสบเหตุความรุนแรงจากครอบครัว และรณรงค์ต่อต้านการทำร้ายและทำร้ายทางเพศผู้มีความหลากหลายทางเพศจากอคติ
รณรงค์เรียกร้องสวัสดิการให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศและคนข้ามเพศสูงอายุ ซึ่งส่วนหนึ่งไม่ได้ผ่านการแต่งงานมีครอบครัว และไม่มีลูกหลานดูแลเมื่อแก่ตัวลง รวมถึงรณรงค์ยกเลิกการเกณฑ์ทหารซึ่งควรจะยกเลิกทั้งหมด แต่หากยังทำไม่ได้ก็ควรละเว้นคนข้ามเพศเป็นอย่างน้อย
รณรงค์ให้สิทธิไม่ตรวจเชื้อเอชไอวีเป็นที่รับรู้และเข้าใจในวงกว้าง ซึ่งในทางกฎหมายก็มีการระบุไว้ชัดเจนว่าบริษัทห้างร้านไม่มีสิทธิ์บังคับลูกจ้างตรวจเลือดเอชไอวี แต่ก็ยังคงมีทำกันอยู่เป็นปกติอยู่ดี ขณะเดียวกันก็ช่วยกระจายความรู้ความเข้าใจเรื่องผู้มีเชื้อที่ได้รับยาต้านเชื้อต่อเนื่องจะไม่แพร่ไวรัสแล้ว แม้แต่มีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่สวมถุงยางก็ไม่ติดต่อ และไม่มีการติดต่อเมื่อทานข้าวน้ำใช้สิ่งของร่วมกัน
รวมถึงรณรงค์โอกาสทางการงานที่ตรงตามเพศสภาพ ไม่ใช่เพศกำเนิด เช่นงานนางพยาบาล ที่หลายโรงพยาบาลยังจำกัดเฉพาะผู้หญิง และกีดกันคนข้ามเพศที่ผ่านการแปลงเพศแล้ว และที่สำคัญคำนำหน้าชื่อ ซึ่งควรใช้ตามเพศสภาพ หรือไม่ก็เป็นกลางไม่ระบุเพศสภาพ ไม่ใช่เพศกำเนิด
มีเรื่องมากมายที่งานไพรด์ประจำปีสามารถเป็นสร้างความตระหนัก รวมทั้งเป็นหัวหอกเรียกร้องให้กับกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ นอกจากเป็นงานตระการตา…นี่ควรเป็นงานที่ตระการใจ นอกจากภาคภูมิในตัวตน…ทุกคนควรมีชีวิตที่สมบูรณ์และเสมอภาคขึ้น




