สุนัขทั้งโลกตื่นจากความเงียบงัน มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่หลับใหล
Reading Time: 2 minutesPlayread พฤหัสนี้ชวนอ่าน 'รัฐบาลหมา' แฝงเร้นนัยยะทางสังคมและการเมืองไว้อย่างแนบเนียน บ้างก็ว่ายั่วล้ออย่างขื่นขำ บ้างเจ็บปวดในเสียงหัวเราะอันหยามหยัน
หนังสือเล่มแรกสุดของชุดมูมิน
จุดกำเนิดความสุขและความอบอุ่นของประชากรในหุบเขามูมิน
ปี 1945 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง โทฟ แจนซัน เผยแพร่หนังสือเล่มบาง ๆ ที่เยียวยาผู้คนจากการผจญภัยของมูมินกับน้ำท่วม เป็นการเดินทางเงียบ ๆ ของครอบครัวตัวกลมที่กำลังหา “บ้าน” ให้กลับไป เป็นการเดินทางที่บรรจุความสั่นไหวของยุคสมัยไว้อย่างอ่อนโยน ระหว่างทางมีร่องรอยของความสูญเสีย ความไม่แน่นอน และความพังทลายของระเบียบโลก
ฟินแลนด์ บ้านเกิดของมูมินโทรลถูกโซเวียตรุกรานในปี 1939 เป็นสงครามท่ามกลางฤดูหนาว ที่กระแทกระบบเศรษฐกิจจนตกต่ำ ภายใต้ความล้มเหลวของการรักษาสันติภาพ การขยายอำนาจของประเทศมหาอำนาจอย่างเยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น ทำให้มูมินและชาวฟินแลนด์ต้องออกเดินทาง
น้ำท่วมในเรื่องนี้จึงไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา มันคือตัวละครที่มองไม่เห็นหน้าของเล่มนี้ เป็นตัวละครที่ทำให้ผู้คนบ้านแตกสาแหรกขาด พลัดพราก สูญสิ้น เช่นเดียวกับครอบครัวมูมินโทรล มูมินปะป๋าหายตัวไปในเหตุการณ์ที่ว่านี้ ไม่แปลก เพราะน้ำท่วมทำลายพื้นที่คุ้นเคยของมูมินและสรรพสิ่ง บังคับให้มูมินโทรล และแม่ต้องรวบรวมความกล้าออกเดินทางตามหาปะป๋า
สองแม่ลูกล่องลอยอยู่ในโลกที่ทั้งแปลกและน่ากลัว ด้านนึงมูมินกับน้ำท่วมใหญ่ The Moomins and the Great Flood คือภาพสะท้อนชะตากรรมและประสบการณ์ร่วมของผู้คนในยุโรปยุคสงครามที่ต้องอพยพ โยกย้ายและเผชิญสิ่งแปลกปลอมที่คุกคามความเป็นบ้านในทุก ๆ วัน
ในความน่ากลัวของความสูญสิ้นกลางภัยพิบัติ โทฟ แจนซันเลือกให้โทรลตัวเล็ก ๆ เป็นแกนของเรื่อง มูมินโทรลไม่ได้เข้าใจโลกที่พังทลายนัก แต่เขามีดวงตาที่เปิดรับทั้งความหวังและความกล้าแบบเด็ก ๆ อาจกลัวบ้าง กล้าบ้าง นั่นคือสามัญของสิ่งมีชีวิตบนโลก
น่าประหลาดที่ความกลัวที่ผุดขึ้นระหว่างบรรทัดผุดขึ้นมาเป็นระยะ และจางหายไปเป็นระยะเช่นกัน หลังเราลองเผชิญเหตุการณ์ในเรื่องไปกับมูมินโทรล นับเป็นการได้ออกเดินทางไปพร้อมความไร้เดียงสา โดยพบว่าบ่อยครั้งนั่นเป็นพลังที่ประคองผู้ใหญ่ในเรื่องให้เดินหน้าต่อไป ไม่มีประโยคไหนในเล่มที่มูมินโทรลจะยอมจมน้ำไปพร้อมโลก
ความกล้าหาญของมูมินตัวเล็กฉายประกายในยามที่ฟ้าของมูมินมัมมี่หม่นเทาเสมอ ยิ่งในฉากตอนที่ทั้งคู่พร้อมสัตว์จิ๋วอีกตัวที่ติดสอยห้อยตามมา กำลังลอยคอกลางน้ำท่วมบนเก้าอี้นวมราววันที่ 3 หรือ 4 ทันใดนั้น มูมินโทรลพบขวดลอยน้ำมา ข้างในมีจดหมายไม่ใช่น้ำหวานอย่างที่เขาวาดหวัง เมื่อเปิดอ่านพบข้อความว่า
ถึงผู้ที่พบจดหมายนี้ กรุณาทำอะไรเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยผมด้วย! บ้านสวยของผมถูกน้ำพัดไป และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่อย่างโดดเดี่ยว หิว และหนาวอยู่บนต้นไม้ที่น้ำสูงขึ้นเรื่อย ๆ มูมินที่ไม่มีความสุขตัวหนึ่ง
“โดดเดี่ยว หิวและหนาว” มูมินมัมมี่พูดแล้วร้องไห้ โอ้ มูมินโทรลลูกรักที่น่าสงสารของแม่ พ่อของลูกคงจมน้ำตายไปนานแล้ว
“อย่าร้องไห้ครับ” มูมินโทรลพูด เขาอาจจะนั่งอยู่บนต้นไม้สักแห่งที่ใกล้มาก ๆ ยิ่งกว่านั้นน้ำยังลดเร็วสุด ๆ เลยด้วย และมันก็เป็นเช่นนั้น


ในขณะที่โลกภายนอกเต็มไปด้วยสิ่งไม่คาดฝัน มูมินมัมมี่คือจุดคงที่เดียวของเรื่อง เธอไม่ตื่นตระหนก ไม่โอดครวญ แม้จะต้องตามหามูมินปะป๋าที่ไม่รู้ชะตากรรม ความสงบนุ่มนวลของเธอย้ำชัดว่า บ้านไม่ใช่สถานที่ แต่คือคนที่เราเดินไปด้วยกัน คนผู้สร้างสภาพแวดล้อมที่เราอุ่นใจที่จะกล้าเป็นตัวของตัวเอง และ ‘เผชิญ’ วันที่ดีและวันร้าย ๆ
มูมินมัมมี่ จึงเป็นบ้านเคลื่อนที่ของมูมินและสิ่งมีชีวิตระหว่างทางบนโลกที่พลิกผัน อาจเป็นไปได้ว่าโทฟ แจนซัน ตั้งใจให้ตัวละครตัวนี้เป็นภาพสะท้อนของผู้หญิงยุคสงครามที่ต้องยึดถือความมั่นคงไว้ให้ครอบครัว แม้ทุกอย่างรอบตัวจะสั่นคลอน ความรักของเธอแน่วแน่ เธอทำอาหารให้เด็กน้อยที่เจอตามทาง ปลอบโยนสิ่งมีชีวิตระหว่างทางที่หวาดกลัว และใช้ความเอื้ออาทรเป็นเครื่องนำทางในโลกที่มืดทึม
น่าทึ่งที่ความรักของมูมินมัมมี่ คือความรักแบบไม่สั่งสอน เป็นความอบอุ่นที่ไม่ประกาศตัวเอง แต่ช่วยให้คนอ่านกลับมาหายใจอย่างราบรื่นขึ้นเล็กน้อยจนจบเล่ม
อย่างในฉากตอนที่มูมินโทรลและมูมินมัมมี่เดินลึกเข้าไปในป่าช่วงฟ้ามืด มูมินตัวน้อยเกิดความกลัว ทันใดนั้นมูมินโทรลจับแขนแม่ของเขาแน่น “นั่น!” เขาพูดตกใจจนหางชี้เด่ ดวงตาจ้องมองไปที่เงามืด ข้างหลังต้นไม้ใหญ่
ทีแรกมูมินมัมมี่ก็ตกใจเช่นกัน แต่แล้วเธอก็พูดออกมาว่า “แม่จะเอาแสงส่องมันทุกอย่างดูแย่ลงในความมืดน่ะ” จากนั้นเธอก็เด็ดดอกไม้เรืองแสงดอกใหญ่ดอกหนึ่งมาส่องไปที่เงามืด แล้วพวกเขาก็เห็นว่ามีสัตว์ตัวเล็กมากตัวนึงนั่งอยู่ตรงนั้น ดูเป็นมิตรและหวาดกลัวเล็กน้อย



ระหว่างเส้นทาง ตัวละครแปลกประหลาดมากมายโผล่เข้ามา ทั้งสิ่งมีชีวิตน้อยที่ขี้กลัวสุดขั้ว เฮมูลีนผู้ยึดติดกฎเกณฑ์ และสารพัดสิ่งมีชีวิตที่ไม่อาจจัดประเภทได้ มองเผิน ๆ พวกเขาดูเป็นเพียงตัวประกอบ ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่อีกมุมผู้เขียนอาจกำลังบอกเราว่า ‘โลกหลังสงครามไม่ได้มีแค่เราผู้รอดชีวิตอย่างโดดเดี่ยว’ ผู้คนแตกต่าง หวาดกลัว หรือหลงทาง ต่างล้วนเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมบนผืนน้ำเดียวกัน
แจนซันทำให้ความแปลกไม่ได้เป็นสิ่งน่ากลัว แต่เป็นสิ่งที่ต้องรับฟัง เรียนรู้ และเปิดพื้นที่ให้ เหมือนกับที่เธอเองซึ่งเป็นศิลปินผู้รู้สึกโดดเดี่ยวท่ามกลางสังคมชายเป็นใหญ่ ได้ใช้มูมินเป็นพื้นที่สร้าง ‘โลกที่อ่อนโยนกว่า’ ขึ้นมาใหม่
การเดินทางในเล่มดูเหมือนการผจญภัยไม่ธรรมดา เพราะแฝงไว้ด้วยความพยายามกลับไปหาหลักของชีวิตที่หายไป มูมินปะป๋าเป็นเหมือนความมั่นคงที่ถูกพรากไปในสงคราม เหมือนพ่อที่พลัดพรากจากลูก สามีที่สูญหาย หรือความฝันที่คนหนุ่มสาวต้องวางทิ้งไว้ชั่วคราว การพบกันอีกครั้งในตอนท้ายเล่ม จึงไม่ใช่เพียงความสุขของครอบครัว แต่มันคือการกอบกู้ ‘ความเป็นบ้าน’ ที่ถูกโลกทำลายไป
เมื่อครอบครัวเดินทางมาถึงหุบเขามูมินในช่วงท้าย สิ่งที่ปรากฏไม่ใช่การกลับบ้านแต่คือการสร้างบ้านใหม่ พื้นที่ที่เราสามารถหายใจได้เต็มปอดอีกครั้งหลังผ่านช่วงเวลาที่มืดมน
พื้นที่ที่บอกว่าแม้เราจะสูญเสียไปมากเพียงใด ยังมีชีวิตใหม่รออยู่ปลายทางเสมอ
นี่คือจุดเริ่มต้นของจักรวาลมูมินทั้งหมด โลกที่แจนซันสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ปลอดภัยสำหรับจินตนาการ ความแปลก และความรักทุกรูปแบบ

วันนี้เธอกลับมาปลอบใจเราอีกครั้ง ในปี 2025 ซึ่งครบรอบ 80 ปี ของ มูมิน กับน้ำท่วมใหญ่หนังสือเล่มแรกที่เปลี่ยนชีวิตตูเว ยานซอน ผลงานของเธอยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง นอกจากสวนสนุกและพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังได้รับการตีพิมพ์ไปกว่า 50 ภาษา และได้รับการเฉลิมฉลองไปทั่วโลก
แม้ว่าลายเส้นสุดท้ายจะถูกวาดขึ้นในปี 1975 และตูเว ยานซอน เสียชีวิตลงในปี 2001 แต่หัวใจของมูมินยังคงเหมือนเดิม และยังคงออกเดินทางไปโอบบกอดผู้คนทั่วโลกพร้อม ๆ กับการตั้งคำถามในใจผู้อ่านว่า

Playread : มูมินกับน้ำท่วมใหญ่ The Moomins and the Great Flood
ผู้เขียน : ตูเว ยานซอน เขียนและวาดภาพประกอบ
สำนักพิมพ์ : แพรวเยาวชน, ธารพายุ แปล
PlayRead : คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี