‘เซาะกร่อน’ ใต้เกลียวคลื่นเศรษฐกิจพิเศษ - Decode
Reading Time: 3 minutes

เซาะกร่อน (ก.) หมายถึงทำให้ร่อยหรอไปทีละน้อย

ไม่แน่ว่าสุดท้ายอาจไม่เหลือพื้นที่การเติบโตของเศรษฐกิจฐานราก ไม่มีทรัพยากรที่สมบูรณ์ให้พึ่งพิง และอาจไม่เหลือวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคที่ลุ่มรวยด้วยฐานทรัพยากรอย่างภาคใต้ ไม่ใช่แค่นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ระนองและชุมพร เท่านั้น

ในย่างก้าวของความเงียบ (ร่าง)พระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) 4 ฉบับกำลังย่องเข้าเทียบท่าในรัฐสภา ภาพชีวิตของคนพื้นถิ่นถูกถ่ายทอดผ่านการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ ปรากฏชัดในตัวอักษรของเล่มรายงาน Land Bridge Effect ผลกระทบโครงการท่าเรือน้ำลึกแลนด์บริจน์ชุมพร – ระนอง

Play Read สัปดาห์นี้จึงต้องยอมรับแต่โดยดีว่า จะมีน้ำเสียงวิชาการหน่อย ๆ เพราะเห็นควรว่า ต้องหยิบตัวเลขที่น่าสนใจจากงานศึกษาในเล่มรายงาน Land Bridge Effect มาเล่าเคล้ากับบทสนทนาของชาวระนองที่ผู้เขียนมีโอกาสพบปะสนทนาเมื่อไม่กี่วันมานี้ อย่างน้อยก็คงจะช่วยขยายเป็นภาพอนาคตให้จิตนาการได้ชัดเจนขึ้น

คลื่นทะเลเล็กน้อยสามารถออกเลได้สบาย ๆ

30-50 เดซิเบล ความดังของคลื่นกระทบฝั่งในยามปกติ กำลังสร้างงานสร้างรายได้ในทุกพื้นที่ที่คลื่นซัดถึง ทุกวันนี้การทำประมงพื้นบ้านก่อให้เกิดการจ้างงานในระดับครัวเรือนและชุมชน โดยประมงขนาดเล็กทั้งเรือหัวตัด เรือโทง เรือท้ายตัด ทำให้เกิดการจ้างงานราว 1-2 คนต่อเรือหนึ่งลำ มีรายได้เฉลี่ยคนละ 450-650 บาทต่อวัน จากการใช้ระยะเวลาทำงานเพียง 4-6 ชั่วโมง

ผลการสำรวจของทีมวิจัยพบว่า ประมงพื้นบ้านในฝั่งชุมพรมีรายได้เฉลี่ยครัวเรือนละ 29,450.75 บาทต่อเดือน  รวม 224 ครัวเรือนในพื้นที่มีมูลค่าการทำประมงพื้นบ้านครัวเรือนกว่า 79.16 ล้านบาทต่อปี 

ส่วนฝั่งจังหวัดระนอง งานศึกษาพบว่าความอุดมสมบูรณ์ทำให้มีเรือประมงพื้นบ้าน จำนวน 2,047 ลำ ประมงพื้นบ้านนับ 100 ครัวเรือนที่ตอบแบบสอบถาม มีรายได้เฉลี่ยครัวเรือนละ 31,670.85 บาทต่อเดือน จึงประเมินคร่าว ๆ ได้ว่า มูลค่าการทำประมงพื้นบ้านในพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอกะเปอร์ จ.ระนอง อยู่ที่ 559.80 ล้านบาทต่อปี

สัตว์น้ำที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ เรารู้สึกเราปลอดภัย เรารู้สึกว่าเรากินแล้ว เรามีความสุขกับการกิน ต่างกับที่ระยองที่หลายคนรู้ คนที่นั่นกำลังนั่งกังวลอยู่ว่าสัตว์น้ำที่จับได้มันจะมีสารเคมีปนเปื้อนไหม มันจะมีสารตะกั่วติดมารึเปล่า แล้วสุขภาพเขาจะเป็นยังไงหลังจากนี้ แต่ที่ระนองที่ภาคใต้ไม่ได้เป็นแบบนี้

ความรู้สึกของรสิตา ซุ่ยยัง ตัวแทนเครือข่ายรักษ์ระนอง หลังจากชัดเจนแล้วว่า GDP ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(EEC) ไม่ได้โตตามคาด แถมผลกระทบจากการพัฒนาแบบเร่งโตกับกฎหมายพิเศษก็ไม่ได้ทำให้คนภาคตะวันออกได้กินดี-อยู่ดี-มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรีมากขึ้น มิหนำซ้ำกฎหมายพิเศษที่ว่ายังไปขยี้ขยายผลกระทบเดิมจากอุตสาหกรรมที่มีอยู่ก่อนแล้วให้รุกลาม นี่ยังไม่รวมถึงสิทธิชุมชนที่หายไปจากกฎหมายพิเศษด้วย

กระแทก (ก.) หมายถึง การกระทบหรือชนอย่างแรง 

คลื่นกระแทกฝั่งรุนแรงขึ้น หากเรือใหญ่เทียบท่า(เรือน้ำลึก)

ถนนหนทางสามารถก่อสร้างเพิ่มความสะดวกได้โดยกฎหมายปกติ แต่การมีกฎหมายพิเศษมอบสิทธิให้รัฐใหญ่โตขึ้น มอบสิทธิให้ทุนสัมปทานการค้า และการอุตสาหกรรรมได้นานขึ้น สะดวกขึ้น ฐานทรัพยากรดูเล็กลงเมื่อเทียบกับความคาดหวังให้เศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด

โครงการแลนด์บริจน์ชุมพร-ระนอง จะเกิดขึ้นได้สะดวกรวดเร็ว หากมีกฎหมายพิเศษที่ไปยกเลิกกฎหมายปกติมากกว่า 16 ฉบับ และถ้าแลนด์บริจน์เดินหน้าจะเป็นโครงการถมทะเลขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จากการคำนวณของทีมวิจัยพบว่า โครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกบริเวณแหลมริ่ว จ.ชุมพร พื้นที่ 5,808 ไร่ จะมีพื้นที่ที่ถูกถมใหญ่กว่าเกาะหลีเป๊ะ 2.8 เท่า ส่วนฝั่งอ่าวอ่าง จ.ระนอง พื้นที่โครงการท่าเรือน้ำลึก 6,975 ไร่ ขนาดใหญ่กว่าเกาะหลีเป๊ะ 3.4 เท่า

หากมองเฉพาะฝั่งระนองทรายมหาศาลและโครงสร้างแข็งจะยื่นลงไปในทะเลทับดอนตาแพ้ว สันดอนทรายขนาดใหญ่กลางทะเลในระยะไม่ไกลจากฝั่ง สันดอนที่มีสัตว์ทะเลมากกว่า 164 ชนิด เป็นที่ชุมทางของเรือประมงพื้นบ้านจำนวนเกินร้อย ดอนตาแพ้วจะถูกถมด้วยทรายจากที่ไหนก็ไม่รู้ ถมจนไม่เหลือภาพเดิม ถมกว้างกินพื้นที่ออกไปเฉียด ๆ เกือบถึงเกาะพยาม จ.ระนอง

โต้กระแสลมแห่งการพัฒนา เรือเล็กยืนยันขอออกจากฝั่ง และไม่หวั่นแม้วันคลื่นสูง ระดับเสียง 80 เดซิเบล ในวันนี้ที่ลมแรงและคลื่นสูงมาก 

สายัณห์ วรวิสุทธิ์ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวท้องถิ่น เกาะพยาม จ.ระนอง เล่าว่าเขาเกิดและเติบโตที่นั่น หากท่าเรือน้ำลึกฝั่งระนอง ภายใต้แลนด์บริจน์ชุมพร – ระนอง เกิดขึ้นจะเป็นความเดือดร้อนระลอกใหม่ของชุมชนที่ทำท่องเที่ยวและทำประมง

“ผมมองว่าตัว แลนด์บริจน์ชุมพร ระนอง เมกะโปรเจกต์ของ SEC เป็นการละเมิดสิทธิชุมชนนะ ชาวบ้านควรจะมีอํานาจในการบริหารทรัพยากรของตัวเอง โดยที่รัฐส่วนกลางต้องมีหน้าที่ส่งเสริมนะครับ ไม่ใช่ละเมิดสิทธิชุมชน”

บางคนอาจรู้จักเกาะพยามในฐานะแหล่งท่องเที่ยว บางคนอาจรู้จักที่นั่นในฐานะมัลดีฟเมืองไทย แต่สำหรับสายัณห์ เกาะพยามเป็นหมู่บ้านที่ผ่านก่อนต่อสู้ เพื่อปกป้องสิทธิชุมชนมากทุกยุค หลังการนิยามความเป็นชุมชนขององค์กรปกครองส่วนท้องตั้งแต่ พ.ศ. 2463 หรือสมัยรัชกาลที่ 6

หลังจากนั้นประมาณ พ.ศ.2516 เกาะพยาม ก็โดนหน่วยงานรัฐประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติทับที่ชาวบ้าน ต่อจากนั้นอีกประมาณ พ.ศ.2530 กว่า ๆ พื้นที่เดียวกันก็จะโดนประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ นั่นทําให้ชาวบ้านต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพราะมองเห็นว่าการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยามจะละเมิดสิทธิชุมชน เพราะกฎหมายของอุทยานฯ ชุมชนจะไม่สามารถอยู่ที่นั่นได้

ชาวบ้านทำสำเร็จหลังมีการยกเลิกอุทยานแห่งชาติ ที่เกาะพยามก็เกิดการบริหารจัดการจากชุมชนชายฝั่ง ตั้งคณะกรรมการชุมชนชายฝั่งของเกาะมาช่วยกันดูแล

จนเร็ว ๆ นี้ช่วงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ยาวมาถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร มีข่าวการเดินหน้ากฎหมายพิเศษอย่าง SEC และโครงการมีแลนด์บริดจ์  สายัณห์มองว่า มันคือศึกริบคืนสิทธิชุมชนในการอยู่ร่วมและปกป้องฐานทรัพยากรที่ชาวเกาะพยามร่วมดูแลมาหลายรุ่น

ความสมบูรณ์อย่างที่เห็นจากเกาะพยาม เป็นภาพสะท้อนความสมบูรณ์ของจังหวัดระนองด้วยเช่นกัน ระนองถือว่าเป็นจังหวัดฝั่งอันดามันที่มีจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวเพราะความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ มีป่าไม้ บ่อน้ำร้อน ชายฝั่ง และทะเลรวมถึงมีวิถีชีวิตของผู้คนหลากหลายอัตลักษณ์

เฉพาะปี 2566 ระนองมีรายได้จากการท่องเที่ยว 6,727 ล้านบาท 96.5% เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยและ 3.5% เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเยือน ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวระนองแบบระยะยาวตามพื้นที่เกาะ

คลื่นการพัฒนาพิเศษรอบนี้มาพร้อมกับแรงกระแทกหลากมิติ จนเกิดคำถามว่า ได้คุ้มเสียหรือไม่ ?

เกรียวคลื่นระลอกนี้ขนาดมหึมา ดูเหมือนว่าลมตะวันออกหวนลงใต้แน่แล้ว ด้วยกฎหมายพิเศษที่เหมือนกันยังกับแกะ และยังหอบเอาไอระอุของความร้อนของรัฐบาลที่ใกล้หมดอายุขัยมาด้วย มันเร่งเร้าให้ภาคใต้ร้อนลุ่ม 

ถ้าเกิดคุณมาทําเรื่อง พ.ร.บ.SEC ให้สิทธิกับทุนแค่ไม่กี่คน คุณมาทํานิคมอุตสาหกรรมคนที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ก็ไม่กี่คน แต่อย่าลืมว่าคนที่เสียประโยชน์เยอะมากมาก รสิตา ซุ่ยยัง ตัวแทนเครือข่ายรักษ์ระนอง

รวบรัด (ก.) หมายถึง ทําให้สั้น ทำให้เร็วเข้า 

ไม่มีใครเคยมาถามพี่นะว่าพี่ในฐานะคนท้องถิ่นเราอาจได้การพัฒนาแบบไหน ?

คำตอบของรสิตา ด้วยเสียงดังเน้นชัดเมื่อถามถึงกระบวนการมีส่วนร่วมในการเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมาย SEC และโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง เรื่องนี้ชาวบ้านหลายคนพูดตรงกันกระบวนการมีส่วนร่วมของโครงการแลนด์บริดจ์ชุมพร-ระนอง ถูกแบ่งเป็นเวทีย่อย ๆ ตามโครงการสร้างถนนระยะเท่านั้นเท่านี้ การสร้างท่าเรือตรงนั้นตรงนี้ เกิดเวทีรับฟังความเห็นย่อยเป็นดอกเห็ด กลายเป็นภาระต้นทุนที่ชาวบ้านที่ตื่นรู้ต้องขนกันไปร่วมแบบข้ามจังหวัด โดยที่ไม่เคยเห็นข้อเสนอ/เสียงโต้ค้านที่พูดไปปรากฎในรายการฉบับไหน

บางเวทีก็ มาเงียบ ๆ แบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งหมดคือกระบวนการมีส่วนร่วมที่ถูกมองว่าเป็นเพียงพิธีกรรมฉาบฉวย มีให้ครบตามกฎหมายบังคับ แต่ไร้เจตนารมณ์ของกระบวนการรับฟังความคิดเห็นที่แท้จริง

สิงหาคมปีก่อน (2567) ปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ให้สัมภาษณ์ว่าโครงการแลนด์บริดจ์เนื้อหอม ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน ดูไบ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย

มิถุนายนปีนี้ (2568) เสียงคัดค้านยังดังต่อเนื่อง โครงการยังไม่ผ่าน ครม. และเวทีรับฟังความคิดเห็นโครงการก็เพิ่งแล้วเสร็จไปเมื่อไม่นานนี้ รัฐบาลทำการเชิญชวนนักลงทุนก่อนที่โครงการจะผ่านความคิดชอบของประชาชน

อ่านถึงตรงนี้พักสายตาหน่อยดีไหม? โต้คลื่นมาตลอดคงเหนื่อยแย่

ลองมองไปกลางทะเลตอนนี้สิ

เห็นอะไรตรงนั้นไหม ?

นั่นไง

ดูตรงนั้น !

กระบวนการมีส่วนร่วมเทียม กลางคลื่นลมแรง

สุภาภรณ์ มาลัยลอย มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม (EnLAW)  พูดเสมอว่า นี่เป็นกระบวนการมีส่วนร่วมที่แสตมป์ว่ามีส่วนร่วมเท่านั้น

“ส่วนสําคัญกระบวนการรับฟังความคิดเห็นประชาชนยังไม่จบ แต่รัฐบาลเดินหน้าโดยการไปคุยกับต่างประเทศแล้ว แถมมีรายละเอียดสิทธิเศษเมื่อมาลงทุนในบ้านเรา แล้วกระบวนการมีส่วนร่วม (จะมีไปทําไม) มันจะมีความหมายอะไร แปลว่าเสียงของเราไม่มีความหมายใช่ไหม ?”

ยิ่งถ้ามองย้อนกลับไปถึงการเกิดขึ้นของ SEC และแลนด์บริดจ์ ซึ่งมีจุดตั้งต้นจากรัฐธรรมนูญ 2560 เขียนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเอาไว้พร้อมระบุว่าจะต้องมีการเดินหน้าเรื่องการแข่งขันการลงทุน มีแผนแม่บทการบริหารจัดการชาติ มีเขตเศรษฐกิจพิเศษ 16 จังหวัดอยู่ทุกภาคยังเกิดคำถาม

ประการแรก ถามว่าคน 16 จังหวัด ได้มีส่วนร่วมไหมว่า เขาอยากเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษไหม ?

ประการที่สอง กฎหมาย SEC และแลนด์บริดจ์ คือโครงการที่มีการศึกษามาตั้งแต่ปี 2562 โดยที่มีมติครม. ให้สภาพัฒน์ศึกษาเล่มนั้นใครได้เข้าไปมีส่วนร่วมบ้างมีการจ้างบริษัท 6-7 บริษัทมาดําเนินการ แต่คําถามใหญ่ ๆ ของคนภาคใต้ที่บอกว่าไม่เอาทั้งหมดมันอยู่ตรงไหน? เพราะว่าคุณคิด เดินหน้า แล้วคุณมาจัดเวที ไม่ว่าจะจัด 100 เวที เราไปมีส่วนร่วม ก็คือคุณคิดไว้แล้วคุณจะเดินหน้าให้ได้อยู่ดี”

จะเหลืออะไรอยู่บ้าง ถ้าคลื่นการพัฒนาซัดขึ้นฝั่งภาคใต้

คลื่นการพัฒนากำลังเซาะกร่อนความเห็นต่างของผู้คนในพื้นที่ด้วยความฝันเรื่องเศรษฐกิจ และการลงทุน

ร่อยหรอไปทีละน้อย  ฐานทรัพยากร คงจะอยู่ในสภาพเช่นนั้น

กว่าจะทำให้คลื่นจะสงบในระดับ 30 เดซิเบล

ประชาชนต้องลุกขึ้นยืนตั้งคำถาม ทวงถามถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ-สังคม, ผลกระทบด้านสมุทรศาสตร์-ระบบนิเวศชายฝั่ง และผลกระทบเชิงนโยบายรวมทั้งข้อกฎหมายไปอีกสักพัก ข่าวดีคือเราต่างไม่ได้เริ่มใหม่จากศูนย์ หากใช้ความจริงที่ประจักษ์จากกระบวนการวิจัยในเล่มนี้นำทาง

คงดีไม่น้อยที่กระบวนการมีส่วนร่วมที่จริงใจจะปรากฏตัวภายใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

ขอบคุณภาพประกอบบทความจากกลุ่ม Beach for life

รายงานศึกษา : Land Bridge Effect ผลกระทบโครงการท่าเรือน้ำลึกแลนด์บริจน์ชุมพร – ระนอง
จัดทำโดย : มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม , Beach for life และเครือข่ายนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนภาคใต้

PlayRead : คอลัมน์คิด/อ่านหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี