824 เพราะชีวิตยังมีความหวังให้ไปต่อ – Decode

824 เพราะชีวิตยังมีความหวังให้ไปต่อ

Play Read
Reading Time: 1 minute

ถอดความหมายตัวเลขจากชื่อหนังสือ 824 ที่ งามพรรณ เวชชาชีวะ ผู้เขียนนำมาร้อยเรียง ไล่สายตาลงมาอ่านบรรทัดถัดไปที่ว่า ‘24 ชั่วโมงของ 8 ชีวิต ที่มีหัวใจเพียงดวงเดียว’ ก็ยังคงสงสัยถึงเนื้อหาภายในเรื่องราวของหนังสือเล่ม

อ่านจบจึงได้เข้าใจความหมายของตัวเลขทั้งสาม ที่ผู้เขียนเล่าเรื่องราวของ 8 ตัวละครผ่านช่วงเวลาเดียวกันในหนึ่งวัน มีฉากหลังเป็นซอยสุขสบายที่ทุกชีวิตพักอาศัยอยู่ ซอยธรรมดาที่จินตนาการได้ไม่ยาก มีบ้านเดี่ยวปลูกเรียงยาวไปจนท้ายซอยที่เป็นห้องพักตึกแถวและบ้านพักหลังน้อยของแรงงานในเมืองใหญ่

ซอยเล็ก ๆ  ที่พาให้หลายชีวิตได้มาผูกพัน รอคอยให้ใครบางคนกลับมา และพบกันหลังจากพลัดพราก

สุขวิทย์และแสงดาว ที่โชคชะตาความรักในวัยเยาว์ไม่ได้ให้กลับมาพบกันในฐานะคนรัก แต่เป็นการดูแลในยามบั้นปลายชีวิตจากอาการป่วยของแสงดาวที่ทำให้จดจำเรื่องราวต่าง ๆ ไม่ได้

ลุงต่อ ผู้ยึดถือความสุขเพียงหนึ่งเดียวของชีวิตคือการที่ตัวเองยังมีลูกคอยดูแล แม้ในความเป็นจริงลูกจะไม่ได้ส่งเงินมาให้นานแล้ว และจำเป็นต้องไปขายเลือดที่ธนาคารโลหิต เพื่อให้มีเงินมาใช้จ่ายและพอบอกใครต่อใครได้ว่าลูกยังคงส่งเสียเงินมาให้ไม่ขาดมือ

มิเชล ตัดสินใจย้ายถิ่นฐานจากฝรั่งเศสมาลงเอยอยู่ที่ซอยสุขสบาย ลองเปลี่ยนอาชีพไปตามความชอบจากนวดแผนไทยไปเป็นคนขับแท็กซี่ เมื่อมีโอกาสได้ขับรถรับส่งลุงต่อไปธนาคารโลหิตจึงได้รับรู้ความจริงที่อัดอั้นอยู่ภายในใจแต่ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง เพราะสำหรับลุงต่อ มิเชลคือคนแปลกหน้าแม้จะอยู่ร่วมซอยกันก็ตาม

มอมแมม หมาในซอยที่ใครต่างก็รู้จักว่าจะไปนอนรอเจ้าของที่ไม่มีวันหวนกลับมาจากอุบัติเหตุ ชีวิตของมอมแมมมีเพียงสะพานที่เคยมองเห็นเจ้าของเป็นครั้งสุดท้าย มอมแมมจะไปนอนรอในทุกค่ำคืนเพียงเพื่อหวังจะได้เจอกับเจ้าของที่รักอีกครั้ง เมื่อยามเช้ามาถึงและแสงอาทิตย์ทักทาย มอมแมมก็ทำได้เพียงเดินกลับไปยังซอยหมู่บ้าน วนเวียนซ้ำไปในทุกวัน

โชคชะตาพาให้ตัวละครต้องมาประสบเหตุการณ์เดียวกัน นั่นคือเพลิงไหม้ในยามรุ่งสางจากธูปเพียงหนึ่งดอกในศาลเจ้าแห่งเดียวของซอย ชีวิตผู้คนในซอยที่พลิกผันในช่วงข้ามคืน กลับสงบลงเมื่อเวลาล่วงเลยเข้าสู่เช้าวันใหม่ ปลุกความหวังให้ชีวิตที่อาจผันเปลี่ยนไปในทุกวันได้เดินหน้าต่อไป

น่าแปลกที่หนังสือเล่มกึ่งบางกึ่งหนาอ่านได้ต่อเนื่องจบบรรทัดสุดท้ายโดยไม่สะดุด อาจเป็นเพราะเรื่องใน ‘ซอย’ พื้นที่จำกัดที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวชีวิตของผู้คน ไม่ซับซ้อนถึงขนาดต้องเว้นวรรคบรรทัดให้หยุดครุ่นคิด ใครหลายคนอาจผูกพันกับชีวิตในซอยที่เห็นหน้าคร่าตากันอยู่ในทุกวัน โดยเฉพาะใครที่ไม่ได้พาชีวิตโยกย้ายไปไหนบ่อยครั้ง ความสัมพันธ์กับผู้คนในซอยคงเป็นสิ่งที่จับต้องได้ไม่ยาก หลายตัวละครในหนังสือใกล้เคียงกับผู้คนที่เราพบเจอในชีวิตจริง หรือไม่ก็เป็นเงาสะท้อนให้ผู้อ่านได้พบกับตนเองที่อยู่ภายใน

ฉากหลังการใช้ชีวิตดูไม่ได้สลับซับซ้อน ตรงกันข้ามกับเรื่องราวของคนในซอยที่ผูกปมไว้อย่างลึกซึ้ง บ้างก็ยากที่อาจจะทำความเข้าใจถึงความฝันที่เป็นทั้งความสุขปนความทุกข์ สุดขั้วในความจริงและความฝัน ย้อนแย้งในความคิดและการกระทำของตัวละคร ที่ไม่ต่างกับชีวิตจริงของคนในสังคม

“คำสัญญานี่มันบาดลึกนะ มันบาดลึกตรงใจนี่แหละเวลาที่คนพูดลืมสัญญา”

ชีวิตของสุขวิทย์และแสงดาวสะท้อนคำสัญญาได้ดี สุขวิทย์สัญญากับตนเองมาตลอดว่าอยากมีโอกาสได้สารภาพความในใจและดูแลแสงดาวที่ชีวิตพัดพาให้ห่างไกล เมื่อกลับมาพบกันจึงได้รู้ว่าแสงดาวยังคงส่องสว่างในใจแม้ความทรงจำของเธอจะเลือนหาย แต่นั่นก็ทำให้สุขวิทย์ตั้งคำถามกับตัวเองถึงความสุขและหัวใจที่หล่นวูบอยู่บ่อยครั้งเมื่อคนรัก อย่างแสงดาวจดจำเขาไม่ได้ คำสัญญาที่กลายเป็นจริง แต่เป็นความจริงอันแสนกล้ำกลืนว่า สิ่งที่หวังไว้ก็มอบความทุกข์มากมายเหลือเกิน

ไม่ต่างกับคนที่ต้องค้ำศักดิ์ศรีของคำสัญญาไว้อย่างลุงต่อ ที่ลูกชายบอกกับตนเองไว้อย่างดิบดีว่าจะส่งเสียเงินจากการทำงานแดนไกลมาจุนเจือผู้เป็นพ่อให้ได้พูดอวดคนทั้งซอยว่าชีวิตยามแก่เฒ่าสบาย เพราะลูกคอยดูแลเรื่องค่าใช้จ่าย แต่เมื่อลูกเงียบหายไป ไม่ส่งเงินมาให้อย่างที่พูด ลุงต่อกลับต้องกอบโกยศักดิ์ศรีของคำสัญญาที่ลูกให้ไว้ เพื่อเดินหน้าต่อกับชีวิตที่ยังไม่หยุดลง

…  เช่นเดียวกับเจ้ามอมแมม แม้ยากจะรู้ว่าสุนัขสี่ขาเข้าใจความหมายของการจากลาที่เจ้าของจะไม่หวนกลับมาหรือไม่ แต่เมื่อลุงต่อเปิดใจให้มอมแมมมานั่งข้างกายยามค่ำคืน ชีวิตที่เคยโดดเดี่ยวของทั้งคู่ก็พอจะเห็นเส้นทางเดินหน้าต่อไปได้

ชีวิตของสุขวิทย์ แสงดาว ลุงต่อ หรือแม้แต่เจ้ามอมแมม ดูไม่ได้สัมพันธ์กันมากนักนอกเหนือไปจากคนที่เดินสวนผ่านกันไปมาในซอย แต่เหมือนกันอย่างน่าประหลาดถึงนิยายชีวิตที่สะท้อนความเป็นจริงของใครอีกมาก ที่หลายครั้งความทุกข์เอ่อล้นขึ้นมาจนยากที่จะกล่าวเป็นคำพูด และต้องใช้ความหวัง ความฝัน ขับเคลื่อนหัวใจที่หนักอึ้งให้พอจะสามารถผ่อนสิ่งที่รัดแน่นอยู่นั้นให้คลายลงได้บ้าง

เรื่องราวในบรรทัดแรกดำเนินไปสู่บรรทัดสุดท้ายเหมือนนาฬิกาที่เวียนมาครบวัน และยังคงบันทึกเรื่องราวในหน้ากระดาษถัดไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้าของวันใหม่ เรื่องราวของอนาคตที่อาจแตกต่างไปจากเมื่อวาน ที่แม้ภูมิหลังของชีวิตไม่อำนวยให้การไขว่คว้าความฝันและความสุขเป็นจริงได้โดยง่าย หลายครั้งที่ต้องมาหยุดคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต แต่สิ่งที่จะทำให้ชีวิตก้าวเดินไปข้างหน้าได้ คือการกลั่นเอาความรู้สึกดี ๆ เก็บความจริงและความฝันอันงดงามให้ปัจจุบันนาทียังพอมีแรงหวังถึงชีวิตที่ต้องก้าวเดินต่อไป

ถึงความหวังอาจจะอยู่ห่างไกล และยังคงเป็นความหวังอยู่ในหัวใจอย่างนั้น

“แต่หัวใจมนุษย์ไม่กลัวความเจ็บปวด ไม่หวั่นความผิดหวัง และเสาะหาความหวังมาหล่อเลี้ยงได้เสมอ นั่นเพราะเดิมพันที่จะได้มาซึ่งความสมหวังสูงนัก และหัวใจย่อมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเดิมพันนี้”