ทุนนิยมยุคปลาย นครแห่งความตายที่ไร้ซากศพ
Reading Time: 2 minutesชีวิตที่ไร้ชีวิต สังคมที่ความเป็นมนุษย์ถูกทำลาย ผู้คนวิ่งไขว่คว้าหาความสำเร็จจนป่วยไข้ และเหี่ยวเฉาไปในมหานครแห่งความตายและพ่ายแพ้ในยุคสุดท้ายของทุนนิยม
“ใครกันแน่ที่รู้จักภูเขามากกว่ากัน คนที่เดินทางไปรอบแปดขุนเขา หรือคนที่ปีนขึ้นไปยังยอดเขาสูงสุด?”
คือคำถามสุดท้ายของหนังสือ แปดขุนเขา ที่เขียนโดย เปาโล คนเญตติ เป็นวรรณกรรมแนวความสัมพันธ์ของเพื่อนที่ได้รับรางวัล The Strega Prize ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งเล่มที่บรรดานักอ่านทั้งเทศและไทย มีไว้บนชั้นหนังสือ เป็นวรรณกรรมที่เล่าเรื่องของชายสองคน เพื่อนผู้ซึ่งเลือกเส้นทางชีวิตที่ต่างกัน ระหว่างปิเอโตร จากเมืองมิลาน (Pietro) และ บรูโน่ (Bruno) ที่เติบโตมากับภูเขา แถบ วัล ด’ออสตา (Val d’Aosta) แปดขุนเขาเป็นความเชื่อดั้งเดิมของชาวเนปาลที่เชื่อว่า “มีขุนเขาสูงยิ่งอยู่ใจกลางโลก ชื่อเขาพระสุเมรุ รอบเขาพระสุเมรุมีแปดขุนเขาและแปดมหาสมุทร”
ปิเอโตร เกิดมาท่ามกลางของครอบครัวที่อาศัยอยู่ในมิลาน มีวิถีชีวิตแบบคนในเมืองใหญ่ แต่พ่อชอบพาเขาออกไปเดินป่าและปีนเขา พ่อของปิเอโตรหลงใหลในการปีนเขาและมักพาปิเอโตรเดินทางขึ้นสู่ที่สูงเสมอ ปิเอโตรได้พบบรูโน่ ที่หมู่บ้านกลางหุบเขา และได้ผูกมิตรเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เยาว์วัย แต่เมื่อฤดูร้อนผ่านไป ปิเอโตรก็ต้องกลับมิลาน ชีวิตของเขายังคงหมุนไปตามวิถีของเมืองใหญ่ ในขณะที่บรูโน่ยังคงอยู่ที่ภูเขา พวกเขาเริ่มห่างกันตามธรรมชาติของชีวิต ขณะเดียวกันความสัมพัธ์ของปิเอโตรและพ่อ ที่แม้จะผ่านห้วงเวลาของการปีนเขามากมายด้วยกันแต่กลับยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองนั้นห่างเหิน เพราะพ่อของปิเอโตรเต็มไปด้วยการดำเนินชีวิตแบบเงียบขรึมและเคร่งครัด มีเพียงแค่ภูเขาเท่านั้นที่ผูกทั้งสองไว้ด้วยกัน นั่นเลยเป็นเหตุผลให้ปิเอโตรเริ่มเบื่อหน่ายการปีนเขา และในที่สุดก็หันหลังให้มัน
ปิเอโตรสูญเสียพ่อในวัย 31 ขณะที่พ่อมีอายุได้ 62 เขาฉุกคิดได้ว่า ในวันที่พ่อเสีย เขากลับมีอายุเท่าพ่อตอนที่พ่อมีเขา พ่อดูเพียบพร้อม มีครอบครัว มีทุกสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตและเลี้ยงดูครอบครัว กลับกัน “31 ปี ของผมเหมือนพ่อน้อยมาก ผมยังไม่มีครอบครัว ยังไม่ได้เข้าทำงานในโรงงาน ไม่มีลูก และชีวิตผมก็ดูเหมือนเป็นกึ่งเด็กกึ่งผู้ใหญ่” ปิเอโตรยังใช้ชีวิตคนเดียวอยู่ในอะพาร์ตเมนต์โดยลำพัง ยังค้นหาความหมายของการเติบโต
หลังการเสียชีวิตของพ่อ ปิเอโตรตัดสินใจกลับมิลานไปเจอแม่ เพื่อจัดการเรื่องมรดกที่พ่อทิ้งไว้ และพบว่าพ่อมีที่ดินแปลงเล็ก ๆ ราคาอันน้อยนิดอยู่บนภูเขา แต่ไม่รู้ได้ว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ตรงส่วนไหนของภูเขา แม่บอกกับปิเอโตรว่า “บรูโน่อาจจะรู้ก็ได้” นั่นทำให้ปิเอโตรตั้งคำถามว่า พอยังมีโอกาสพบกับบรูโน่อีกหรือ บรูโน่จะยังคิดถึงเขาหรือไม่ ทั้งที่เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ปิเอโตรจึงตัดสินใจขึ้นภูเขาอีกครั้ง
ปิเอโตรได้พบกับบรูโน่อีกครั้ง แต่ทั้งสองไม่มีท่าทีของคนที่เคยรู้จักและสนิทต่อกัน ช่างก่อสร้างอย่างบรูโน่มีร่างกายที่หยาบด้าน ฝ่ามือเต็มไปด้วยตาปลา เพราะนี่เป็นส่วนของร่างกายที่ใช้งานหนัก ขณะคนเมืองอย่างปิเอโตร ก็เป็นแค่ผู้ชายดาษดื่นทั่วไป ทั้งสองคนได้ออกเดินมุ่งหน้าสู่ที่ดินของปิเอโตร หลังจากผ่านบทสนทนา เพื่อละลายความเคอะเขิน แต่การเดินทางกลับล่าช้ามาก เพราะปิเอโตรไม่ได้ปีนเขามาเป็นเวลานาน และแทบที่จะไม่ได้ออกกำลังกายเลย ตอนเดินถึงที่หมาย ก็กลับพบแค่กระท่อมที่พร้อมทลายลงเพียงแค่หิมะตกใส่
“ถึงแล้ว” บรูโน่พูด
ปิเอโตรถามว่า “ถึงไหน”
“ก็บ้านของนายไง”
ปิเอโตรมองไปรอบ ๆ แม้หิมะจะทำให้ทิวทัศน์เปลี่ยนไปบ้าง แต่เต็มไปด้วยต้นไม้ อยู่ติดกับหน้าผาลาดสูง ทำให้เขาจำได้แม่นว่านี่คือที่ ที่พ่อเคยมาประจำ
ทั้งสองเริ่มต้นซ่อมแซมกระท่อมร้างด้วยกัน เพราะพ่อของปิเอโตรเคยสั่งเสียกับบรูโน่ว่า “อยากให้บรูโน่เป็นคนสร้างบ้านหลังนี้”
บทสนทนาส่วนใหญ่ จะเป็นปิเอโตรที่เป็นฝ่ายตั้งคำถาม “ว่าอันนี้คืออะไร ใช้งานอย่างไร” ทั้งเลื่อย โม่ลับหิน และอุปกรณ์ก่อสร้างอีกจำนวนมากที่ปิเอโตรไม่รู้จักเลย การรื้อฟื้นกระท่อมหลังนี้ตลอดสามสี่เดือน ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองรื้อฟื้นดั่งวันวาน เพื่อนที่เคยสนิทในวัยเด็ก กลับมาสนิทกันและใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่
บรูโน่ก็ใช้ชีวิตอย่างมีแบบแผน มีสิ่งที่ค้างคาและอยากทำให้สำเร็จ “เขาอยากซื้อฟาร์มของลุง” ที่เต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ บนภูเขากลับมา เขาจึงวางแผนออมเงินไว้เนิ่นนาน ปิเอโตรถามเพียงคำถามเดียว “แล้วมันให้ผลตอบแทนดีไหม”
“ก็ไม่เท่าไร ถ้าฉันจะทำเพื่อหาเงิน ฉันเป็นช่างก็สร้างต่อไป” บรูโน่กล่าวด้วยเหตุผลที่ชีวิตของเขาดำเนินแบบนั้นเสมอมา คือทำให้ชีวิตนั้นมีความหมายเพราะบรูโน่บอกว่า เขาเกิดมาเพื่อภูเขา
ส่วนบรูโน่ก็ถามถึงความฝันของปิเอโตร ปิเอโตรบอกว่า “อยากออกเดินทาง”
“ไปไหน” บรูโน่ถาม
“อาจเป็นเอเชีย ไม่รู้เหมือนกัน” ปิเอโตร ตอบ
จากนั้นปิเอโตรก็ออกเดินทาง ไปตามที่ต่าง ๆ ที่เป็นหมุดหมายของภูเขารอบโลก
การใช้ชีวิตของทั้งสองคนดำเนินไปข้างหน้าเหมือนเส้นขนาน บรูโน่ผู้ซึ่งผูกพันกับภูเขา ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์เป็นของตัวเองแม้ในภายหลังจะเจอความท้าทายและยากลำบากอยู่บ้าง ส่วนปิเอโตร ก็ออกเดินทางเพื่อพิชิตขุนเขา ความสัมพันธ์ของทั้งสองผูกกันด้วยภูเขาและบ้านที่ทั้งสองช่วยกันสร้าง
แต่ละคนคงมีทัศนะที่ต่างกันต่อภูเขารายล้อม คนหนึ่งเดินทางเพื่อพิชิตยอดเขา กับอีกคนที่ปักหลักท่ามกลางยอดเขา แต่ความหมายของการมีภูเขาของทั้งสองไม่ต่างไปเลย เพราะภูเขาคือการแสวงหาความหมายของการมีชีวิต ความฝัน ตัวตน และภูเขาที่ต่างยอดเขาออกไป ยังคงเป็นบ้านสำหรับนักพิชิตยอดเขามากมาย
ปิเอโตรยังย้อนดูบันทึกของพ่อต่อภูเขา เพื่อค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ที่พ่อปักหมุดไว้ ซึ่งในบันทึกเต็มไปด้วยหมุดหมายของยอดเขา คำถามต่อความหมายของการเดินทางในชีวิตของพ่อคงเต็มไปด้วยยอดเขาต่าง ๆ ที่ปิเอโตรคาใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ตัวเองกลับไม่มีความผูกพันกับภูเขาในห้วงชีวิตที่ผ่านมา จนการออกเดินทางตามหมุดหมายของการตามรอยพ่อ ปิเอโตรกลับพบความหมายของภูเขา และความหมายของการเดินทางในชีวิตพ่อที่ปลูกกระท่อมไว้กลางหุบเขา เพื่อรอวันที่ปิเอโตรจะค้นเจอความหมายของมัน
รุ่งเช้า ปิเอโตรเดินออกจากกระท่อม ปีนขึ้นไปบนยอดเขาที่สูงที่สุดในบริเวณนั้น เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่พ่อของเขาเคยพาเขาขึ้นไปตอนเด็ก ๆ และเป็นเส้นทางที่เขากับบรูโน่เคยก้าวเดินไปด้วยกัน
ยิ่งเขาไต่สูงขึ้นเท่าไร ลมหายใจก็ยิ่งหนักขึ้น แต่ในใจกลับสงบนิ่ง
เมื่อถึงยอดเขา เขามองลงไปเบื้องล่าง หุบเขาอันกว้างใหญ่ทอดยาวออกไปสุดสายตา เส้นทางลำธารเล็ก ๆ คดเคี้ยวผ่านทุ่งหญ้า และกระท่อมของพวกเขาตั้งอยู่เงียบ ๆ ท่ามกลางธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
ปิเอโตรนั่งลง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และยิ้มให้กับสายลม
ในที่สุด เขาก็เข้าใจแล้ว…
เขาอาจเป็นคนที่เดินทางไปทั่วแปดขุนเขา แต่หัวใจของเขา… อยู่ที่นี่เสมอ
Playread : แปดขุนเขา (Le otto montagne)
ผู้เขียน : Paolo Cognetti
แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี
PlayRead: คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี