“นับหนึ่งถึงสิบนะ แล้วหนูจะไปซ่อน” เด็กน้อยพูดเสียงดัง
ระหว่างที่เลขกำลังเพิ่มขึ้น เด็กน้อยก็รีบวิ่งแจ้นหาที่ซ่อน บ้างก็ใต้เตียง บ้างก็ในห้องน้ำ หรืออย่างในตู้เสื้อผ้าที่กว้างพอสำหรับเด็กคนหนึ่ง และมีกองเสื้อผ้ารองก้นแทนหมอน เด็กน้อยขดแข้งขดขาเพื่อแอบ สายตาทอดออกไปผ่านร่องไม้ของตู้ สังเกตการณ์ว่าผู้หาใกล้จะมาถึงรึยัง
ลมหายใจแล้ว ลมหายใจเล่า แม่ซึ่งเป็นผู้หาก็ยังหาเด็กน้อยคนนี้ไม่เจอ อาจเป็นเพราะเด็กน้อยคนนั้นเก่งในเรื่องการซ่อน ไม่ก็เป็นเพราะมีคนลืมเจ้าตัวจิ๋วไปเสียแล้ว

“หนูวาดรูปแล้วครูที่โรงเรียนบอกว่าสวยมากด้วยนะพ่อ” เด็กน้อยชูภาพวาดดินสอสีไม้ขึ้นบนโต๊ะอาหาร
“เก่งมาก อนาคตลูกอาจจะเป็นศิลปินก็ได้นะ” พ่อตอบรับ
“คุณอย่าพูดอย่างนั้น ศิลปินมันไม่มั่นคง ตอนสอบเข้ามัธยมปลาย ถ้าทำได้ก็เลือกวิทย์คณิตนะ มีอนาคตกว่า” แม่ไม่เห็นด้วย
“คุณจะไปบังคับเด็กทำไม” พ่อและแม่มองตาขวาง
เด็กน้อยคนนั้นไม่ได้ตอบอะไร เสียงเดียวที่เกิดขึ้นหลังจากบทสนทนา คือเสียงเคี้ยวข้าวของเด็กน้อย ท่ามกลางรสชาติความผิดหวังของการเป็นผู้ใหญ่ ภาพพ่อแม่ลูกที่พร่างพรายไปด้วยแสงสะท้อนจากน้ำทะเล ไม่ได้สลักสำคัญอะไร

“ดอกเข็ม นี่ดอกเข็มนะ หวานมากเลย” เด็กน้อยวิ่งแจ้นไปหาแม่พร้อมวางดอกเข็มไว้บนมือเธอ
“…” แม่ไม่ได้ตอบอะไร มีเพียงยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก ร่างกายเริ่มสั่นระริก มวลน้ำตาเอ่อล้นบนใบหน้า
วินาทีนั้น เด็กน้อยไม่ได้เข้าใจในทันที เพียงแต่ดอกเข็มที่แม่เคยว่าหวาน วันนี้ไม่หวานเหมือนอย่างเคย สวนดอกไม้ยังคงเป็นสวนดอกไม้ เพียงแต่ตั้งอยู่โดยปราศจากรัก ค่อย ๆ เฉาลงจนเหลือเพียงก้านแห้งกรอบ และความเศร้าก็เริ่มเกาะกุมไปทั่วทั้งบ้าน
“จนกว่ามันจะเรียนจบ” คำสั่งแสนเด็ดขาดของแม่สั่นสะเทือนไปทั้งบ้าน
“…” ถ้าหยดน้ำตามีเสียงมันคงไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่ พ่อไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่ทรุดตัวลงตรงหน้าแม่ หลังจากขอหายไปจากชีวิตของแม่และเด็กน้อย
ฉันพอจะรู้แล้วว่าทำไมผู้ใหญ่ถึงไม่ร้องไห้ เพราะมันไม่น่ารักยิ่งกว่าเด็กร้องไห้เอาของเล่น
เด็กน้อยจำไม่ได้ว่าพ่อกับแม่ทะเลาะอะไรกันในคืนนั้น เพียงแต่ภาพพ่อที่เดินจากไปยังคงชัด
ปีนั้น เด็กน้อยกลายเป็นเชือกฟางที่มีเลือดเนื้อ และคอยผูกรั้งพ่อและแม่ที่ต้องการจะหย่า
“รักคืออะไร ฉันมองไม่เห็นเลย ที่เห็นอยู่ก็มีเพียงทุกข์จากรักเท่านั้นเอง” เด็กน้อยบอก

“จะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่” แม่ถามเด็กน้อยที่วันนี้กลายเป็นผู้ใหญ่
“…” เธอไม่ได้ตอบแม่ พลางรับโทรศัพท์จากเพื่อนที่โทรมาชวนไประเริงน้ำเมา
“ชีวิตแบบที่แกใช้อยู่มันอันตราย”
“แล้วต้องใช้แบบไหน”
“ใช้ให้มันเห็นค่ากว่านี้”
“ชีวิตหนูไม่มีค่าหรอก หมดไปได้ก็ดี”
“แกไม่มีเรื่องดี ๆ ที่อยากทำ อยากเห็น อยากรอเจอบ้างหรือไง อย่างไปเรียนทำขนมหรือไปเที่ยวทะเล เรื่องอะไรก็ได้”
“แม่คิดว่าแค่มีสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นแล้วทุกอย่างมันจะดีขึ้นมาเหรอ มันจะเปลี่ยนทั้งหมดนี่ได้จริงเหรอ”
บทสนทนาระหว่างแม่ลูกดุเดือดขึ้นทุกทีเมื่อใครสักคนตอบกลับ แต่ก็คลี่คลายไปทั้งอย่างนั้น บางทีก็ไม่มีคำขอโทษ แต่การขอโทษกันก็ดีกว่าจริง ๆ นั่นแหละ แม่ขอโทษลูก แต่ไม่ใช่เพราะที่ตำหนิลูก แต่เพราะไม่อาจทำให้พ่ออยู่ในชีวิตของลูกได้
“ฉันไม่โกรธที่มาของความทุกข์ในชีวิตพวกเราหรอก เคยโกรธไปแล้วจนไม่อยากโกรธซ้ำ มันไม่ช่วยอะไร” เธอคิด

“กลับมาทำไม” เธอถามชายหนุ่มที่เคยรัก
“วันเกิดแกไม่ใช่เหรอ อายุเท่าไหร่นะ ยี่สิบ” พ่อตอบ
“เป็นยังไงบ้างล่ะ เรียนจบแล้วจะทำอะไร”
“หนูยังไม่รู้”
“ไปอยู่กับพ่อไหมล่ะ แถวบ้านพ่อ”
“หนูจะไม่ทิ้งแม่”
“หนูจะไม่ทิ้งแม่แบบที่พ่อทำ” เธอย้ำ
“พอเถอะลูก”
แม่เรียกให้ลูกสาวหยุด ไม่มีน้ำตาจากเธอ ไม่มีผัดมาม่าของโปรดอีกต่อไปแล้ว เด็กสาวเม้มปากที่จะไม่พูดอีก พ่อตัวสั่นระริกและพูดว่าขอโทษ แม่ยกจานอาหารที่เตรียมให้ชายหนุ่มแปลกหน้าไปเก็บ
บางทีความรักมันก็ง่ายดายเพียงนั้น แค่คนสองคนที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น หรือบางทีที่ผู้ใหญ่ไม่ร้องไห้ ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ร้องไห้ แต่แทนที่น้ำตาจะไหลออกมาเป็นพยานของความเศร้า มันกลับตีบตันอยู่ภายใน หากมนุษย์นั้นงอกงามด้วยความสุข บางทีความเศร้าก็ทำให้มนุษย์ไม่มีวันงอกเงยได้เช่นกัน
“…เด็กคนหนึ่งที่ต้องเติบโตมากับความเว้าแหว่งของคนในกรอบรูป…”
“ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันที่งอกเงยอย่างกลีบใบของไม้ดอกอื่น ๆ อีก เป็นเพียงไม้ไร้ดอกเท่านั้น”
“และฉันคงถูกรวมไว้ในสวนของแม่ อยู่ท่ามกลางเหล่าดอกไม้ที่พ่อไม่เคยมองดูเหมือนกัน” เธอบอก

“ไม่เคยคิดอยากเป็นแม่ รองลงมาคือไม่คิดอยากเป็นแค่เมียของใครสักคน”
“แต่มันก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว การตั้งท้องในวัยก่อนยี่สิบนั้นเลวร้ายกว่าที่คิด” เธอบอก
“ผมจะรับผิดชอบ” ชายหนุ่มว่า
แต่สัญญาปากเปล่าไม่อาจเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้โตได้ ชายหนุ่มไม่โทรกลับ ไม่แม้แต่จะกลับมา
วันนั้น ทารกโตเกินกว่าจะเป็นเพียงก้อนเนื้อ ทุกอิริยาบถของเด็กน้อยคล้ายตัวเธอขนาดย่อส่วน
เธอเห็นความอาภัพของเธอในตัวเด็กน้อย
“ดอกเข็ม ดอกเข็มสีแดง!”
“ทำอย่างนี้ คาบไว้ที่ปาก” หญิงสาวสอน
เธอหน้าตาน่ารักน่าชังเหมือนแม่ เธอเป็นเด็กฉลาด จับสังเกตทุกอย่างได้เพียงปราดเดียว
เธอรู้ว่าแม่ของเธอเริ่มไม่ลงรอยกับพ่อ รับรู้ว่าพ่อไม่ปรากฏตัวและจะไม่กลับมาอีกแล้ว เธอรู้โดยไม่ต้องให้ใครสอน
เสียงนับเลขดังขึ้นอีกครั้ง ภาพวาดปลิวหายไปตามลม เส้นมาม่าที่เริ่มจับตัวแข็ง เก้าอี้ว่างเปล่าสองตัว และเด็กคนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าไปกับโต๊ะไม้ฝุ่นเกาะ
“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ”
“ไปซ่อนกันแล้วเหรอ … งั้นหนูจะเริ่มหาแล้วนะ”
Playread : แด่รักที่ไม่ลงเอย และดอกไม้ที่ไม่เคยงอกงาม
ผู้เขียน : นิชาภาพ
จัดพิมพ์ : P.S. x STEP
PlayRead : คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี