เมื่อกาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ ตีพิมพ์ Del amor y otros demonios เรื่องของความรักและบรรดาปีศาจ ในปี 1994 ซึ่งเป็นช่วงท้ายของอาชีพนักวรรณกรรม โดยเขาคือหนึ่งในนักเขียนที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของศตวรรษที่ 20 นวนิยายเรื่องนี้แม้จะมีความบางและเรียบง่าย เมื่อเทียบกับงานสุดคลาสสิกอย่าง หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยว One Hundred Years of Solitude ซึ่งผู้เขียนเคยเขียนไว้ ในเว็บไซต์ Decode ก่อนหน้านี้แล้ว หรือความหนาแน่นทางการเมืองของ The Autumn of the Patriarch ซึ่งผู้เขียนจะขอรีวิวในการถัดไป แต่การอ่าน Of Love and Other Demons ซึ่งเป็นหนังสือที่เหมือนกับการเดินเข้าไปในความใกล้ชิดและซึมซับอย่างเงียบ ๆ ในจักรวาลแห่งเวทมนตร์ของการ์เซีย มาร์เกซ ซึ่งปีศาจในเล่มนี้ไม่ใช่ปีศาจตัวจริง ๆ ไม่ใช่วิญญาณ แต่เป็นระบบของสังคมที่ไม่อนุญาตให้ความรักของบาทหลวงและหญิงสาวดำรงอยู่ได้

ในงานเขียนชิ้นนี้ กาเบรียล การ์เซีย มาร์เกซ เปิดโปงโครงสร้างอำนาจชายเป็นใหญ่ที่ฝังรากลึกในสังคมยุคล่าอาณานิคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ร่มเงาของคริสตจักรคาทอลิก ผ่านชะตากรรมของ “เซียร์บา มารีอา” เด็กหญิงวัย 12 ปีที่ถูกตีตราว่าถูกผีสิงเพียงเพราะมีพฤติกรรมและภูมิหลังที่ขัดกับกรอบศาสนาและวัฒนธรรมอาณานิคม แทนที่จะได้รับการรักษาทางการแพทย์ เธอกลับถูกกักขังในคอนแวนต์และตกอยู่ภายใต้อำนาจของนักบวชชายผู้ใช้ศรัทธาเป็นเครื่องมือเข้าครอบงำร่างกายและจิตใจของเธอ
นวนิยายเล่มนี้สะท้อนภาพสังคมที่ผู้หญิงไม่มีเสียง ไม่มีสิทธิ์ในร่างกายของตนเอง และถูกทำให้เป็นวัตถุแห่งการตัดสินจากระบบชายเป็นใหญ่ ที่พึ่งพาศาสนาเป็นเครื่องมือ มาร์เกซไม่เพียงเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของความรักต้องห้าม หากยังตีแผ่ความรุนแรงเชิงโครงสร้างที่พรากความเป็นมนุษย์จากหญิงสาวผู้บริสุทธิ์ในนามของพระเจ้าและศีลธรรมที่นิยามโดยผู้ชาย

ตำนานที่เริ่มจากกระดูก
นวนิยายเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจ ในปี 1949 นักข่าวหนุ่ม (ซึ่งเป็นตัวแทนของการ์เซีย มาร์เกซเอง) ถูกส่งไปทำข่าวการเปิดห้องเก็บศพในอดีตสำนักสงฆ์ ในระหว่างการขุดค้น คนงานพบโครงกระดูกของเด็กสาวที่มีผมสีแดงยาวกว่า 20 เมตร ภาพดังกล่าวชวนสะเทือนใจ จนทำให้จินตนาการของผู้บรรยายกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการจินตนาการใหม่ว่า เด็กสาวคนนี้เป็นใคร และทำไมเธอถึงถูกฝังเหมือนผู้พลีชีพ
การจัดวางสาระเรื่องนี้มีเนื้อหาสั้น ๆ แต่มันทำให้ทั้งเรื่องอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ที่เลือนหาย กับความรู้สึกเหมือนกำลังขุดคุ้ยอารมณ์มากกว่าความจริง มาร์เกซไม่สนใจว่าประวัติศาสตร์จะ “ถูกต้อง” แค่ไหน เขาสนใจจะถ่ายทอด “ความจริงทางอารมณ์” ของผู้คนที่ถูกลืม โดยเฉพาะผู้คนที่ถูกกลืนหายด้วยอาณานิคม ศาสนา และสังคมชายเป็นใหญ่
เด็กสาวผมแดง
เธอชื่อเซียร์บา มารีอา เด โตโดส ลอส อังเฆเลส ลูกสาวของขุนนางที่ชื่อเสียงเริ่มจาง กับแม่ที่จมอยู่กับยาและความสิ้นหวัง เซียร์บาอายุแค่สิบสองเมื่อถูกสุนัขบ้ากัด เหตุการณ์นี้พาเธอเข้าสู่วงจรของหมอแบบอาณานิคม ความงมงายทางศาสนา และการเข้าใจผิดที่นำไปสู่จุดจบของชีวิตเธอ แม้ว่าเธอจะไม่แสดงอาการใด ๆ ของโรคพิษสุนัขบ้า แต่แผลกัดก็กลายเป็นเหตุผลให้สังคมรอบตัวเธอเกิดความกลัว อคติ และความเชื่อแบบสุดโต่งลงไปในตัวเธอ
สิ่งที่ทำให้เซียร์บา มารีอา น่าหลงใหล คือเธอแทบจะเป็นสิ่งแปลกปลอมในโลกที่เธอเกิด เธอเติบโตมากับทาสชาวแอฟริกันในบ้านพ่อ พูดภาษาของพวกเขา เต้นรำตามจังหวะของพวกเขา และรับเอาความเชื่อทางจิตวิญญาณของพวกเขามาด้วย สำหรับสังคมอาณานิคม เธอคือสิ่งแปลกประหลาด และจึงเป็นพิษภัย เธอกลายเป็นเหมือนสิ่งที่ต้อง “ไล่ออกไป” ให้พ้นจากร่างนี้

ระหว่างความรักและการสาปแช่ง
บาทหลวง Cayetano Delaura เข้ามาเป็นบาทหลวงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการดูแลจิตวิญญาณของ Sierva María ภายในคอนแวนต์ Santa Clara Delaura เป็นนักปราชญ์ เป็นนักอ่านกวีนิพนธ์ต้องห้าม คนที่ต่อสู้กับศรัทธาในใจตัวเอง เมื่อเขาได้พบกับเซียร์บา เขากลับถูกความกล้า ความดื้อดึง และความโดดเดี่ยวของเธอทำให้สั่นไหว หน้าที่ทางศาสนาแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกลึกซึ้ง เขาตกหลุมรักเธอ ไม่ใช่แค่เพราะความงามหรือความเศร้า แต่เพราะไฟดวงเล็ก ๆ ที่เธอรักษาไว้ในโลกที่พยายามดับมันลง
ความรักของทั้งคู่ตึงเครียด อึดอัด แทบไม่มีช่องว่างให้หายใจ มันเป็นรักที่ผิดทุกอย่าง ผิดศาสนา ผิดอายุ ผิดสถานะ แต่ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนโดยไม่หวือหวา มาร์เกซไม่ได้วาดภาพความรักนี้ให้บริสุทธิ์หรือโรแมนติกเกินจริง มันคือความรักที่เต็มไปด้วยการโหยหา การอดกลั้น และความไม่เท่าเทียมทางอำนาจ ความเศร้าของมันไม่ใช่เพราะมันต้องห้าม แต่เพราะมันไม่มีทางรอด เพราะพวกเขาอยู่ในโลกที่ไม่มีที่ให้ความรักแบบนี้อยู่รอด
ปีศาจตัวจริง
ถึงแม้จะมีเสียงกระซิบเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติ การสิงสู่ ปาฏิหาริย์ การปรากฏกายเป็นผี—Of Love and Other Demons เรื่องของความรักและบรรดาปีศาจไม่ใช่นิยายสยองขวัญ ปีศาจที่แท้จริง คือความรุนแรงจากอาณานิคม ความตาบอดของศาสนา และการปิดปากคนที่ “ไม่เหมือนคนอื่น” เซียร์บาไม่ได้ถูกผีสิง เธอแค่ถูกเข้าใจผิด ถูกตีตรา และสุดท้ายถูกสังเวยต่อ “ระบบ” ที่ไม่รู้จักคำว่าเมตตา

ศาสนาในเรื่องนี้ไม่ได้เลวร้ายหรือศักดิ์สิทธิ์เกินไป มันแค่ “มืดบอด” เซียร์บาในเรื่องไม่ใช่ตัวร้ายการ์ตูน แต่เป็นคนที่ติดกับอยู่ในกฎและตำรา มองไม่เห็นมนุษย์ตรงหน้า แพทย์ก็ไม่ได้ดีกว่า—ทั้งวิทยาศาสตร์แบบอาณานิคมและความเชื่อแบบศาสนา ต่างก็มองไม่เห็นเด็กหญิงคนนี้จริง ๆ ความตายของเธอจึงไม่ใช่เรื่องช็อก มันคือโศกนาฏกรรมที่เรารับรู้ได้ตั้งแต่ต้น
ผีเงียบแห่งลัทธิล่าอาณานิคม
ลึกลงไป ใต้นิยายความรักและศาสนา มาร์เกซกำลังพูดถึงอเมริกาละตินยุคอาณานิคม สังคมที่สร้างขึ้นบนความไม่เท่าเทียม การลบตัวตนของคนพื้นเมืองและคนผิวดำ และการหลอมรวมความเชื่อกับอำนาจรัฐอย่างโหดร้าย เซียร์บาในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ตัวละคร แต่คือสัญลักษณ์ของสิ่งที่สังคมพยายามกดทับ ความเป็นเด็ก ผู้หญิง วัฒนธรรมผิวดำ และความฉลาดทางอารมณ์
การที่เธอถูกขังอยู่ในคอนแวนต์ก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการที่สังคมอาณานิคมกักขังส่วนที่สดใสที่สุดของตัวเองไว้
เฉียบคม ภายใต้ภาษาที่นิ่งเงียบ
ในแง่สไตล์ มาร์เกซอยู่ในโหมดที่ “นิ่งที่สุด” เท่าที่เคยมีมา ภาษาของเขายังคงไพเราะ ละเมียดละไม แต่ไม่เวอร์ ไม่มีฉากใหญ่ ๆ ไม่มีโครงเรื่องซับซ้อนแบบใน One Hundred Years of Solitude มันเป็นเรื่องเล่าเล็ก ๆ กระชับ แถมแม้จะยังมีกลิ่นอายของ “ความมหัศจรรย์” อยู่ แต่มันเป็นเวทมนตร์แบบเงียบ ไม่มีพรมวิเศษ ไม่มีดอกไม้ร่วงเป็นฝน มีแค่ผมของเด็กผู้หญิงที่ยาวเกินจริง และนักบุญที่ตายในห้องขังเงียบ ๆ
สิ่งที่น่าทึ่ง คือความรู้สึกว่าทุกอย่างค่อย ๆ พังลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่มีฉากโศกนาฏกรรมแบบเสียงดัง ทุกอย่างค่อย ๆ เจ็บเรื้อรัง น้ำหนักของความเศร้าไม่ได้มาจากการตะโกน แต่มาจากเสียงกระซิบที่ติดอยู่ในผนัง

Playread : ว่าด้วยความรัก และบรรดาปีศาจ
Gabriel Garcia Marquez เขียน,ชัยณรงค์ สมิงชัยโรจน์ และ ชนฤดี ปลื้ม ปวารณ์ แปล
สำนักพิมพ์ : บทขจร
PlayRead : คอลัมน์แนะนำหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี