Generation Alpha: ยุคแห่งการเรียนรู้และความก้าวหน้าทางจริยธรรม - Decode

Generation Alpha: ยุคแห่งการเรียนรู้และความก้าวหน้าทางจริยธรรม

Human & Society
Reading Time: < 1 minute

ประกายไฟลามทุ่ง

รศ. ดร. ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี

ในกระแสโลกที่หมุนไปด้วยความเร็วแสง เด็กเหล่านั้นที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป หรือที่เราเรียกกันว่า Generation Alpha กำลังเติบโตขึ้นท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่เพียงแต่เป็นเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของมนุษยชาติในด้านจริยธรรมและค่านิยม

Generation Alpha เป็นกลุ่มคนแรกที่เติบโตมาในโลกที่ข้อมูลไหลเวียนอย่างไร้ขอบเขต พวกเขาสามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่ายกว่าคนรุ่นใดมาก่อน ความสามารถในการประมวลผลข้อมูลหลายช่องทางพร้อมกันทำให้พวกเขามีทักษะการแก้ปัญหาเชิงเทคโนโลยีที่สูงมาก แต่เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ การเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายไม่ได้หมายความว่าจะสามารถคิดวิเคราะห์หรือใช้ข้อมูลเหล่านั้นได้ดีกว่าอัตโนมัติ นอกจากนี้ การใช้หน้าจอมากเกินไปยังเป็นข้อกังวลที่ส่งผลต่อการพัฒนา Executive Function ทักษะที่สำคัญในการควบคุมสมาธิ ความจำเฉพาะหน้า และความยืดหยุ่นทางความคิด แต่อีกด้านคือที่น่าสนใจคือ Generation Alpha เป็นคนรุ่นแรกที่ได้เห็นผลกระทบของความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์แบบเรียลไทม์ผ่านเทคโนโลยี พวกเขาเติบโตมาในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นหลัก ทำให้มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมที่แข็งแกร่งกว่าคนรุ่นก่อน

การมีแรงบันดาลใจจากบุคคลอย่าง Greta Thunberg ทำให้เด็กเหล่านี้เข้าใจว่าการดูแลโลกใบนี้เป็นหน้าที่ของทุกคน การรีไซเคิลและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวันของพวกเขา ในด้านความเสมอภาคทางเพศ Generation Alpha เติบโตมาในสังคมที่ผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้นำมากขึ้น การยอมรับความหลากหลายทางเพศ LGBTQ+ เป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับพวกเขา ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาโต้เถียงหรือกังวล การต่อต้านการเลือกปฏิบัติจากเชื้อชาติและการเคารพในความแตกต่างของผู้อื่นเป็นค่านิยมที่ฝังลึกในจิตใจของคนรุ่นนี้ พวกเขาเห็นการปฏิเสธสงครามและการใช้ความรุนแรงเป็นทางออกที่ล้าสมัยและไร้ประสิทธิภาพ

ในด้านการเมืองและประชาธิปไตย Generation Alpha มีความได้เปรียบคือการสามารถเข้าถึงข้อมูลจากหลากหลายแหล่งได้อย่างง่ายดาย ทำให้ยากที่จะถูกหลอกด้วยข่าวปลอมหรือการโฆษณาชวนเชื่อแบบเดิม ๆ เช่นเดียวกันกับการรับรู้ความเหลื่อมล้ำ ผิดปกติ และฉ้อฉลในระบบทุนนิยม

หากพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล Generation Alpha กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน การสื่อสารผ่านหน้าจอมากกว่าการพบปะตัวต่อตัวอาจส่งผลต่อความสามารถในการสร้าง deep relationships แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็มีความได้เปรียบในการเชื่อมต่อกับผู้คนข้ามขอบเขตทางภูมิศาสตร์ การหาเพื่อนที่มีความสนใจเดียวกันทำได้ง่ายกว่าเดิม และที่สำคัญคือ พวกเขาสามารถพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตได้เปิดเผยกว่าคนรุ่นก่อน มีความเข้าใจเรื่องสุขภาพทางจิต ความยินยอมด้านความสัมพันธ์ ในระดับที่ลึกซึ้งกว่าคนรุ่นก่อน พวกเขายอมรับความอ่อนแอของตัวเอง และสามารถขอความช่วยเหลือได้ง่ายกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการพัฒนาทักษะอารมณ์ในระยะยาว

มนุษย์ฉลาดขึ้นทุกรุ่นหรือไม่ เราเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ส่งต่อลูกหลานแค่ไหน

ประวัติศาสตร์มนุษยชาติดุจเส้นทางเวียนว่าย ที่เต็มไปด้วยความผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า การสำรวจรูปแบบเหล่านี้เผยให้เห็นว่า แม้กาลเวลาจะผ่านไป แต่ธรรมชาติของมนุษย์ยังคงเดิม ความโลภ ความรุนแรง และการแข่งขันแย่งชิงอำนาจยังคงเป็นต้นเหตุของปัญหาใหญ่ ๆ ในโลก เหตุการณ์ที่น่าสนใจคือวิกฤตเศรษฐกิจปี 1929 และ 2008 ซึ่งเกิดจากสาเหตุที่เหมือนกัน คือการลงทุนเสี่ยงเกินขีดจำกัดและการขาดระบบควบคุมที่เข้มงวด ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์และการเก็งกำไรที่ไร้ขอบเขตกลายเป็นบ่อเกิดของความหายนะทางเศรษฐกิจในทั้งสองยุค การใช้สื่อโฆษณาชวนเชื่อในสงครามโลกครั้งที่สอง ไปจนถึงปรากฏการณ์ข่าวปลอมในยุคโซเชียลมีเดีย การบิดเบือนข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองยังคงเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มันไม่ได้การันตีเสมอว่า มนุษยชาติฉลาดขึ้นตามช่วงเวลาเสมอไป

สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนในยุคปัจจุบันคือความสามารถในการจัดเก็บ ประมวลผล และเรียกใช้ข้อมูลจากอดีตได้อย่างเป็นระบบ ระบบเอกสารดิจิทัลทำให้การค้นหาข้อมูลด้วยคำสำคัญ ทำให้บทเรียนจากอดีตสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันที นำไปสู่สิ่งที่เรียกว่าการเรียนรู้แบบ Real Time เช่น ความล้มเหลวทางการตลาดของแบรนด์ชั้นนำในปี 2024 กลายเป็นบทเรียนสำหรับองค์กรอื่น ๆ ในทันที การแพร่กระจายข้อมูลที่รวดเร็วทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถปรับกลยุทธ์และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดแบบเดียวกันได้

ในบริบทนี้ Generation Alpha จึงกลายเป็นคนรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเครื่องมือครบครันในการเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ พวกเขาไม่เพียงแต่สามารถเข้าถึงข้อมูลจากอดีตได้ง่าย แต่ยังสามารถเปรียบเทียบ วิเคราะห์ และประยุกต์ใช้บทเรียนเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ การที่พวกเขาได้เห็นผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิกฤตเศรษฐกิจ และความขัดแย้งทางสังคมแบบเรียลไทม์ ทำให้เกิดจิตสำนึกในการป้องกันไม่ให้ความผิดพลาดเดิมเกิดขึ้นซ้ำ

แม้ว่า Generation Alpha จะยังอายุน้อยมาก และเราจะไม่สามารถสรุปได้ว่าพวกเขาจะ “ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” แต่สิ่งที่เห็นได้ชัด คือพวกเขากำลังสร้างมาตรฐานใหม่ทางจริยธรรมและสังคม ด้วยเครื่องมือที่ทรงพลังในการประมวลผลข้อมูลและการเรียนรู้จากอดีต ความแตกต่างสำคัญของยุคนี้ไม่ได้อยู่ที่ความฉลาดของมนุษย์เพิ่มขึ้น แต่อยู่ที่ความสามารถในการจัดเก็บ เรียกใช้ และแชร์บทเรียนจากประวัติศาสตร์ได้อย่างเป็นระบบ Generation Alpha จึงมีโอกาสเป็นคนรุ่นแรกที่สามารถหลุดพ้นจากวงจรแห่งความผิดพลาดที่ซ้ำรอยได้

อนาคตอาจจะไม่ได้อยู่ที่ว่าพวกเขาจะฉลาดที่สุดหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าพวกเขาจะสามารถใช้ความฉลาดและเครื่องมือที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ต่อมนุษยชาติได้มากแค่ไหน และที่สำคัญที่สุด คือการไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยในด้านที่เป็นโทษต่อมวลมนุษยชาติ แบบที่ แม่ พ่อ ปู่ ย่า ตา ยายของพวกเขาเคยทำมา