ศัตรูของเราไม่ใช่มนุษย์คนใด - Decode

ศัตรูของเราไม่ใช่มนุษย์คนใด

Play ReadYoung Spirit
Reading Time: 2 minutes

คุณเรียกดอกไม้ว่า ปีศาจ

คุณตอบรับคำขอโทษมาดื้อ ๆ โดยไม่ต้องรู้สึกผิด

สิ่งใดงดงาม สิ่งนั้นถูกไล่ล่า มันเป็นเรื่องราวของชีวิตและเลือดเนื้อของคนสามรุ่นที่หนีรอดจากสงครามเวียดนามอันเหี้ยมโหด หนีตายมายังในดินแดนอเมริกันดรีมที่อุดมไปด้วยโอกาสและเสรีภาพแต่แบ่งแยกและกดข่ม เพียงเพราะเราต่างกัน คุณก็รู้ ภาษาเวียดนามมันเป็นคำโดด ไวยากรณ์ไม่ซับซ้อน มีวรรณยุกต์ 6 เสียง แต่บ่อยครั้งน้ำเสียงของแม่ในเรื่องมักน้อยเนื้อต่ำใจ มันไม่ใช่เพราะเธอเป็นช่างทำเล็บหรอก แต่เพราะต้องเงียบใบ้ไปในประเทศที่มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ คำ ๆ เดียวที่แม่มักพูดเป็นปกติที่สุดในร้านทำเล็บคือ ขอโทษ

บางครั้งก็เป็นเพียงเด็กเจ็ดขวบ “ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ขอโทษมากจริง ๆ” ทั้งที่เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แม่ กล่าวขอโทษเป็นสิบ ๆ หนระหว่างเวลาสี่สิบห้านาทีของการทำเล็บมือ หวังจะได้รับน้ำจิตน้ำใจที่จะนำไปสู่เป้าหมายสูงสุด นั่นคือทิป— เพื่อจะกล่าว ขอโทษ อยู่ดี แม้ไม่ได้รับมัน

บ่อยครั้งคำ ขอโทษ ในร้านทำเล็บกลายเป็นอัตราแลกเปลี่ยน พวกเธอไม่ได้พูดเพียงเพื่อจะขอโทษ แต่เพื่อยืนยัน ย้ำเตือนว่า “ฉันอยู่ที่นี่ ตรงนี้ ข้างใต้คุณ” ทางเดียวที่จะปกป้องครอบครัวจากอคติและความเป็นอื่นในประเทศนี้ได้ก็คือ ภาษาและถ้อยคำ

เหมือน ๆ กับยาย ผู้ตั้งชื่อให้ตัวเองว่า ลาน ในภาษาเวียดนามมีความหมายว่า ดอกกล้วยไม้ ยายยังตั้งชื่อลูกสาวว่า โรส หรือดอกกุหลาบ แต่เรียกหลานชายตัวเองว่า ไอ้หมาน้อย ด้วยคำอธิบายที่เรียบง่ายว่า สิ่งงดงามมักถูกตามล่า ความน่าเกลียดคือเกราะกำบัง จึงเป็นความพิลึกพิลั่น บิดเบี้ยวเพราะไฟสงคราม

แม้จะหนีสงครามมาตั้งรกรากในอเมริกาแต่บ่อยครั้งยายยังหลงลืมว่าตัวเองยังอยู่ในไซ่ง่อน ยายติดหลงอยู่ในเรื่องเล่า จนคนอ่านก็ไม่อาจแยกออกได้ว่า คำพูดไหนคือเรื่องจริง หรืออดีต แต่ฉันรับรู้อย่างนึงว่าวัยเยาว์ของยายเป็นวัยที่สวยงามที่สุด แม้จะเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้น ดูสิ ยายขอให้หลานชายถอนผมหงอก ยายเรียกมันว่า หิมะในผม ราวกับว่าการถอนผมหงอกนั้นจะพายายกลับไปสู่ช่วงเวลาที่ชีวิตหมดจดงดงามได้อีกครั้ง  

“ช่วยยายที เจ้าหมาน้อย… เอาหิมะออกไปจากชีวิตยายที…  เสกยายให้เป็นสาวหน่อยสิวันนี้”

อดีตที่มีทั้งรสหวานในวัยสาวและความโหดร้ายจากสงครามในวัยชรา ชื่อ ‘ไอ้หมาน้อย’ ก็ดูจะสมเหตุสมผลขึ้นมาซะงั้น

…บ่อยครั้งที่เด็กตัวเล็กและอ่อนแอที่สุดในฝูงเช่นผม จะถูกตั้งชื่อตามสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด ไอ้ปีศาจ ไอ้เด็กผี ไอ้จมูกหมู ไอ้ลูกลิง ไอ้หัวควาย ไอ้ลูกไม่มีพ่อ – ไอ้หมาน้อยถือว่าธรรมดามาก

…การรักบางอย่างจึงหมายถึงการตั้งชื่อมันตามสิ่งไร้ค่าจนไม่มีใครอยากสัมผัส – สิ่งนั้นจะได้มีชีวิตต่อไป

วองตั้งใจเล่าเรื่องราวนี้จากชีวิตและเลือดเนื้อของตัวเอง ทั้งบาดลึก ทรงพลัง และน้ำตารื้นไปด้วยถ้อยคำมากมาย บ้างก็ว่ามันเป็นนิยายที่เป็นเหมือนบทกวีแห่งชีวประวัติของตัวเองจนได้ผังครอบครัวที่หน้าตาเหมือนบังเกอร์ปูน-รั้วลวดหนาม ในฐานะคนนอก ตุ๊ด และปีศาจในดินแดนที่มืดบอด เงียบใบ้ ความรักในดินแดนนี้จึงเป็นแค่รักที่ไม่มีวันสมหวัง แปลกแยก เต็มไปด้วย เขา / เรา แบ่งแยก คนใน / คนนอก

นิยายของคนนอกที่เชื่อในพลังของการเขียนเท่านั้นที่จะทำให้รู้สึกว่า ตัวเองดำรงอยู่ วองเขียนจดหมายถึงแม่ ทำให้นิยายเรื่องนี้มันอัดแน่นไปด้วยความคับข้องและถูกส่งผ่านมายังตัวละครเจ้าหมาน้อยอย่างมีชั้นเชิง แหวกขนบจากนิยายทั่วไป เพราะสงครามและความเป็นอื่น จากแม่ผู้เคยเป็นผู้ถูกล่าสู่ลูกชายที่กลายเป็นผู้ถูกล่าในอีกรุ่นในนามของความรัก (ชาติ)

“อย่ามองพื้นนะลูก อย่ามอง” แต่ฉันกลับจำสีแดงได้ขึ้นใจ ฉากตอนนั้น แดง แดง แดง แดง มือของแม่ร้อนฉ่าเดินฝ่าสงครามและความตาย อีกไกลกว่าจะถึงโบสถ์ แม่บอกว่า เจ้าหมาน้อย มองขึ้นไป มองขึ้นไปตรงนั้นสิ เห็นไหม แกเห็นนกบนต้นไม้ไหม

แม่ยังพูดต่อ “ดูสิ เจ้านกพวกนี้ สีไม่ซ้ำกันเลย นกสีฟ้า นกสีแดง นกสีชมพูม่วง นกสีกากเพชร” แม่ชี้นิ้วไปยังกิ่งไม้ที่บิดงอ หญิงสาวคนนั้นได้มอบนามใหม่เป็นของขวัญแด่ตัวเธอเอง— ลาน (ดอกกล้วยไม้) ราวกับประกาศความงามเหนือสงครามทั้งปวง โลกนี้จึงไม่ได้มีแค่ขาวหรือดำ กัมพูชาหรือไทย ใครรักชาติมากกว่ากัน ไม่ว่าใครจะนิยามว่าพวกเขาถือกำเนิดจากสงคราม แท้จริงแล้วกำเนิดจากความงาม เอกภพแสดงตัวตน

…………

คุณแบนสินค้าไทย ทำคอนเทนต์ซื้อเบียร์มาทุบทิ้ง

คุณเป็นอินฟูเอนเซอร์ตามล่าเขมร

“พี่ไม่ได้จับ ตำรวจจับ” เขาตอบโต้

สิ่งใดงดงาม สิ่งนั้นถูกไล่ล่า ไม่เกินจริง

มีเพียง ถ้อยคำ ที่จะทำในสิ่งที่สื่อ/อินฟูเอนเซอร์ไทย-เขมร ไม่มีวันทำได้

มันลอกคราบหมดจดในตัวเอง ฉันแค่นั่งอยู่นิ่ง ๆ แค่ดำรงอยู่

ตรงนั้น “ความรัก” เอ่ยทัก สวัสดี

หากความเศร้ากล่าวเป็นวาจาได้ มันคงเปล่งถ้อยคำที่หวานเพราะกว่าความยินดี ไม่ควรมีใครต้องกลายเป็นปิศาจหรือสัตว์ประหลาด ท่ามกลางสงครามและความขัดแย้งที่ไม่รู้จะสิ้นสุดที่ตรงไหน พูดตามตรง เราไม่ค่อยได้ยินน้ำเสียงของคนที่บอบช้ำจากสงคราม ดังเท่าอินฟลูเอนเซอร์ที่ตะโกนก้อง “รวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย” นักรบห้องแอร์พร้อมใจ กระทืบยอดไลก์ ครูไทยหัวใจเขมร เมื่อนักเรียนวัย 13 ต้องถอดชุดลูกเสือใส่ชุดไปรเวทเดินเข้าห้องขัง เพราะสัญชาติเป็นเหตุ

“นักเรียนผมเป็นเด็กดี เรียนดีถามว่าดีแค่ไหน ก็จบประถมศึกษาด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 ครับ”

เขาเป็นคนมีความสามารถทางด้านดนตรี กีฬา รวมถึงวิชาการ ครู ผุดลุกผุดนั่ง

“เลี้ยงหมาเถอะครู”

“เคยนึกรักประเทศบ้างมั้ย” ความเกลียด โกรธไหลบ่า รุนแรง

สงครามแห่งเป็นอื่นยืดเยื้อยาวนาน ทันใดแสงไฟในบาร์ก็สว่างจ้า

บทเพลงสุดท้ายกลายเป็นเพลงบอย อิมเมจิน ศัตรูของเราไม่ใช่เขา

“หยุดก่อนเพื่อนเอ๋ย ศัตรูของเราไม่ใช่มนุษย์คนใด” เธอร้องตาม “จะไม่ต่อลมหายใจของสงคราม ด้วยความโกรธแค้น”

ใต้แสงนีออน เธอฝันถึงศานติ ปล่อยให้สำนึกเป็นเช่นโน้ต F / EM / DM C

Playread : เราต่างงดงามแล้วจางหาย (ON EARTH WE’RE BRIEFLY GORGEOUS)
ผู้เขียน : OCEAN VUONG
สำนักพิมพ์ : SALMON

PlayRead : คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน) ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี

ภาพประกอบ: ภัทราภรณ์ ศรีทองแท้