ไปรษณีย์ฝึกหัดจากดาวหมา พัสดุตกค้างตลอดกาลคือความ ‘น่าจะทำ’ ของมนุษย์ - Decode

ไปรษณีย์ฝึกหัดจากดาวหมา พัสดุตกค้างตลอดกาลคือความ ‘น่าจะทำ’ ของมนุษย์

Play Read
Reading Time: 2 minutes

ผมมีหมาในฝันอยู่ 2 พันธุ์ แน่นอน ไม่โกลเด้นฯ ก็ลาบราดอร์

นอกจากขนสีบลอนด์ ผมแค่รู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งเราพร้อม เราก็คงอยากมีหมาในฝันที่ถูกหล่อหลอมจากโซเชียลมีเดียหรือภาพยนตร์ฮอลลีวูดในวัยเด็ก ว่านี่จะเป็นเพื่อนซี้ที่คอยอยู่ข้าง ๆ กันตลอดอายุของมัน

แต่ไม่… ผมมีบางแก้ว 2 ตัว

แน่นอนหมาพันธุ์ไทย มีถิ่นกำเนิดจากจังหวัดพิษณุโลก ขึ้นชื่อเรื่องความดุเพราะเป็นพันธุ์ผสมกับหมาในและหมาบ้าน ชาวบ้านมักเลี้ยงเอาไว้เฝ้าบ้าน ตรวจตราคนแปลกหน้า และแน่นอน ผมเคยเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหมาพันธุ์นี้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในรั้วคนแถวบ้าน ตรอกซอย หรือกระทั่งบ้านคนรู้จัก บางแก้วดูท่าจะไม่ชอบผมสักเท่าไหร่

จนกระทั่งผมเจอ ลีโอกับถิงถิง

ถิงถิงเป็นหมาเพศเมีย แปลว่าอุดมสมบูรณ์ในภาษาจีน ลีโอเป็นหมาเพศผู้คาดว่าถูกตั้งชื่อจากอยากให้หมาเป็นสิงโต เป็นพี่และน้องกัน ผมต้องบังเอิญไปทำความคุ้นเคยพวกมันหลังจากที่ครอบครัวบ้านแฟนต้องบินไปต่างประเทศ และแน่นอน ผมต้องตีซี้กับพวกมันเข้าสักวันอยู่ดี

แต่ทันทีที่เปิดรั้วเข้าบ้าน หลังจากดมฟุดฟิดอยู่ 2-3 นาที ลีโอกับถิงถิงก็กระโจนเข้าหาผมอย่างกับรู้จักกันดี จากที่ผมไม่เคยจะกล้าสัมผัสตัวหมา กลายเป็นให้สองพี่น้องเลียมือเลียแข้ง และสองมือนี้เองที่มีหน้าที่หลัก ๆ คือ ให้อาหารกับลูบขนให้ทุกครั้งที่มีเวลาว่าง

ยอมรับก็ได้ การตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้หลัก ๆ ก็มาจาก 2 ตัวนี้ที่ตกผมเข้าอย่างจังในระยะเวลาไม่ถึงเดือน

พักหลังมานี้ที่ชีวิตเริ่มจะแสดงออกน้อยลง แต่รู้สึกมากขึ้น กลับย้อนแย้งด้วยน้ำตาที่คลอคาเบ้าระหว่างไถ Tiktok พร้อมเพลงประกอบอาทิ ถ้าเราได้เจอกันอีก, เผื่อวันไหนเธอจะกลับมา หรือ ยิ้มลา พร้อมคลิปสั้นเล่าเรื่องของสัมผัสปลายขนของมนุษย์และหมาที่รักแต่กลับดาวไปแล้ว

ไม่มีการแจ้งเตือนก่อนการจากลา โดยเฉพาะการจากไปตลอดกาลของชีวิต โดยเฉพาะการพลัดพรากของมนุษย์และหมาที่รัก ที่อายุขัยเฉลี่ยอยู่ในอัตราส่วน 1 : 15 ปี

แต่เวลาที่ดูจะผ่านไปเร็วกลับหยุดนิ่งบางครั้งเมื่อผมจ้องไปในตาใสแป๊วพวกมัน สายพันธุ์หมาที่ขึ้นชื่อว่าดุ แต่กับผม มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่นชอบการวิ่งและเกาพุงที่สุด

พัสดุจากดาวหมา จากปลายปากกาของ นทธี ศศิวิมล เรื่องราวของชายหนุ่มที่บังเอิญไปพบลูกหมาบีเกิ้ล ไปรษณีย์ฝึกหัดจากดาวหมา และจะต้องเป็นผู้ช่วยจนกว่าจะส่งพัสดุจากดาวหมาถึงมนุษย์ที่คิดถึงให้เสร็จในรุ่งเช้า พัสดุสุดท้ายที่บรรจุสิ่งของแทน ‘ความน่าจะทำ’ มากมายของมนุษย์

“แต่พวกหมาที่แสนซื่อกลับร้ายกาจกว่าแมวไปอีก ตรงที่มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่โง่เขลาคลั่งรัก อายุสมองไม่เกินเด็กเล็กตลอดชีวิตและดันรักเราหมดหัวจิตหัวใจแบบไม่มีเงื่อนไข แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาทุกครั้งที่เราปรากฏตัว โดยไม่ต้องสวย ต้องเก่ง ไม่ต้องดี หรืออย่างเลวที่สุด บางครั้งไม่ได้เป็นเจ้าของที่คู่ควรกับความรักที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเสียด้วยซ้ำ แต่มันกลับมอบความรักทั้งจักรวาลของมันให้กับเราแบบที่ไม่เคยตั้งคำถาม”
“เราเคยได้รับความรักที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นซะที่ไหน เป็นจักรวาลทั้งจักรวาลของใครสักคนแบบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เป็นตัวเราอย่างที่เราเป็น”

บางส่วนจากคำตามนักเขียน

ผมมองไปที่ดวงตาที่เปล่งประกายราวกับจักรวาลของพวกมัน

หรือบางทีเราควรใช้ชีวิตแบบหมา ๆ ดูบ้าง ถึงจะลดจำนวนพัสดุตกค้างตลอดกาลลงได้บ้าง

ป่าไร้ขอบเขต สวนแห่งการเยียวยาและลานแห่งการรอคอย

ดาวหมา เป็นโลกหลังความตายอันเงียบงาม ที่เต็มไปด้วยหมาที่รัก (แน่ละ) เหล่ามนุษย์ไม่ต้องกลัวว่าหมาที่รักตายแล้วจะไม่ได้อยู่สุขสบาย เพราะเมื่อหมาที่รักทุกตัวจากไปจะต้องมาที่ดาวหมาและที่นี่มันคือสวรรค์ของหมาอย่างไม่ต้องสงสัย

บนดาวที่มีพื้นที่ไม่จำกัด ป่าไร้ขอบเขต คือป่าที่สามารถทอดยาวไปได้เท่าที่หมาที่รักจะสามารถวิ่งไหว และแน่นอนที่ดาวนี้ไม่มีพื้นที่จำกัด เพราะดูเหมือนเมื่อตอนอยู่ที่ดาวโลก ปากซอยที่แม้จะห่างออกไปหลักกิโลฯ ก็ดูจะสั้นเกินไปสำหรับ F1 สี่ขาเหล่านี้

“ที่นี่บึงน้ำใสแจ๋ว ดอกไม้สีสันสวยงาม พื้นที่นี้เป็นทุ่งหญ้ากว้างใหญ่เปิดโล่ง มีหอคอยกลิ่น ปล่อยกลิ่นใหม่ ๆ ให้ท้าทายในแต่ละวัน มีการแข่งขันไล่ล่าประจำสัปดาห์ และมีพื้นที่ซ่อนสมบัติให้ค้นหาอยู่เสมอ”
สวรรค์ชัด ๆ เลยใช่ไหม

แต่บนดาวหมาเหล่าหมาที่รักไม่ได้นอนกันระเกะระกะ พวกมันรวมตัวกันอยู่ที่ เขตอารักขา มีการจัดสรรปันส่วนเป็นอย่างดีสำหรับหมาที่รักทุกตัวทุกกลุ่ม โดยพวกมันสามารถเนรมิตเขตของตัวเองแบบที่ใจอยากได้ บ้างก็อยู่เป็นบ้านหลายชั้น บ้างก็เป็นเพิงเล็ก ๆ เหมือนที่มันจากมา บางตัวอยู่รวมกันเป็นฝูงและบางตัวก็อยู่อย่างสันโดษ

สวนแห่งการเยียวยา ไม่ได้มีไว้เพื่อรักษาหมาบาดเจ็บแต่อย่างไร เพราะสวนแห่งนี้เป็นสวนที่มีไว้เพื่อบำบัดความโศกเศร้า ความกลัว หรือเรื่องทุกข์ใจของหมาที่รัก ทันทีที่เข้ามาในสวนแห่งนี้ ศาลาขาวที่ตั้งเด่นกลางผืนหญ้าและดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ราวกับมิติเวลาที่นี่จะแยกจากภายนอก จากที่รุ่มร้อนก็กลายเป็นเย็นลง ไม่ใช่แค่มนุษย์หรอกที่ไปต่อแถวหานักจิตกันยาวเหยียด แต่หมาที่รักเองไม่น้อยที่ต้องการการเยียวยาและมาที่สวนแห่งนี้

นอกจากวิ่งเล่น ไล่ล่า กิน และพักผ่อน สิ่งหนึ่งที่หมาที่รักบนดาวหมาทำกันจำนวนมาก

คือการนั่งคิดถึง

ทอดไปที่ลานหิน ที่ซึ่งมีสะพานสายรุ้งทอดยาวลงมา และอาคารรูปโดมแก้วขนาดใหญ่ แม้จะดูเป็นที่ที่สวยงามแต่ไม่ใช่ที่ที่น่าเข้าไปนัก เพราะลานแห่งการรอคอย คือที่ ๆ เหล่าหมาที่รักที่ยังไม่สามารถตัดใจจากมนุษย์ได้นั้นจะมาเฝ้าดูมนุษย์ที่รักใช้ชีวิต และแน่นอน มนุษย์จำนวนมากเหล่านั้นไม่สามารถตัดใจจากหมาที่รักได้ ทำให้พื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังงานลบ ขณะเดียวกัน มันกลับเหนี่ยวรั้งไม่ให้หมาที่รักหลุดจากการรอคอยได้

นอกจากนี้ลานแห่งการรอคอยยังนำไปสู่ ห้องฝัน ที่ซึ่งหมาที่รักสามารถใช้ช่วงเวลา ‘เยี่ยมฝัน’ เพื่อแวะเข้าไปหาเจ้านายได้เป็นครั้งครา รวมถึงมีต้นไม้แห่งสัญญา ที่จะผลิดอกทุกครั้งที่มนุษย์ที่รักคิดถึงพวกเขา

หมาและมนุษย์ดูท่าจะไม่ได้ต่างกันมาก บางครั้งเรารู้ว่าบางการตัดสินใจนำไปสู่การกระทำที่ทำให้เราเจ็บปวด เรายอมทนอยู่กับอะไรที่ทำให้เราเศร้าหมองอยู่บ่อยครั้ง ลานแห่งการรอคอยคงมีอยู่ในใจทุกคนไม่เว้นแม้แต่ผม

“ในสายตาของมนุษย์ พวกเราซื่อบื้อใช่มั้ยละ พวกคุณเลยเรียกเราว่าหมาโง่” ลุงหมาบอก

“อันที่จริงผมเห็นด้วยเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องที่เต็มใจโง่ หรือบางเรื่องเรารู้ดีว่าความฉลาดมักจะลักขโมยความสุขของเราไปเสียดื้อ ผมว่าคุณน่ะเข้าใจดี พวกมนุษย์น่ะตัวซับซ้อนเลย ชอบคิดวกไปวนมา หานิยามสิ่งต่าง ๆ ให้กับตัวเอง แต่ก็ไม่เคยที่จะหยุดคิดหรือหยุดค้นหามันได้เลย เพราะจริง ๆ แล้วพวกคุณไม่ได้รู้จักตัวเองดีขนาดนั้น บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนของตัวเองเป็นยังไง แต่ก็ดันกลัวจะสูญเสียตัวตนเพราะพยายามเป็นอะไรสักอย่าง” ชายหนุ่มที่ติดอยู่ในร่างหมานั่งรับฟัง

“หมาอย่างพวกเราไม่เสียเวลากับอะไรแบบนั้นหรอกครับ อาจเพราะช่วงเวลาที่เรามีคือชีวิตอันแสนสั้น เราเลยใช้ชีวิตอย่างตรงไปตรงมาและซื่อบื้ออยู่แบบนั้น เราก็แค่ทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่จำเป็นต้องหลอกตัวเอง กลัวก็วิ่งหนี โกรธก็เห่า เหงาก็หอน เศร้าก็ซุกตัวนอน รักก็รักทีเดียวหมดใจ” 

ผมกลับมานั่งทบทวน ถ้าสวรรค์ของมนุษย์มีอยู่จริง

ณ ตอนนั้น ผมจะเลือกตีแบดมินตันในคอร์ทแบดฯ ไร้ขอบเขตที่ตีแบดได้โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หรือจะเป็นนั่งเศร้าเป็นมนุษย์หงอย รอแก้ไขเรื่องที่ไม่สามารถกลับไปแก้ได้แล้วที่ลานแห่งการรอคอยกันนะ

พัสดุตกค้าง ที่หวังว่าคนรับจะโอบรับด้วยความยินดี

แน่นอนว่าความคิดถึง ต้องมีการส่งถึงและจ่าหน้าซองด้วย

หน้าที่นั้นในค่ำคืนนี้ ต้องเป็นของไมโล ไปรษณีย์ฝึกหัดบีเกิ้ลตัวน้อย และชายหนุ่มที่ถูกจับพลัดจับผลูเป็นหมาพันธุ์ต่าง ๆ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยไปรษณีย์ในค่ำคืนนี้

การส่งพัสดุจากดาวหมามีเงื่อนไข 3 ข้อด้วยกัน

1.เมื่อน้องหมากลับดาว จะมีระบบสุ่มของ 1 ชิ้นที่มีความหมายกับมันมากที่สุดติดตัวมาด้วย

2.น้องหมาสามารถเลือกที่จะเก็บไว้หรือส่งให้มนุษย์พร้อมจดหมาย

3.ผู้รับจะจดจำอะไรไม่ได้ เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น

ระบบสุ่มของนี้ดูท่าจะไม่ใช่แค่สิ่งของที่ความหมายกับหมาที่รัก แต่ยังเป็นพัสดุตกค้างที่ชื่อว่า เรื่องค้างคาใจ ของมนุษย์ผู้เป็นที่รักของพวกมันเสียมากกว่า

หมาที่รักไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนซี้ของมนุษย์เพียงอย่างเดียว หลากพัสดุที่ส่งไปถึงมือเจ้าของ กลับพบว่าหมาที่รักเหล่านี้เป็นเพื่อนซี้ ยารักษาโรคซึมเศร้า รวมไปถึงความหวังด้วย

ไก่โอ๊ก ดูจะเป็นของเล่นที่อาจจะไม่เหมาะกับน้องหมาสักเท่าไหร่ นอกจากมันจะเป็นพลาสติกและด้วยพลังเขี้ยวของหมาที่รักอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถึงอย่างนั้น ไก่โอ๊กยังเป็นทั้งของเล่นที่กระตุ้นน้องหมาให้ร่าเริงจากเสียงของมัน หรือไม่ก็เป็นของเล่นที่กระตุ้นให้รู้ว่ายังมีเหตุผลพอให้มีชีวิตอยู่ต่อ อย่างคุณแม่ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ของหมาที่รักพันธุ์แจ็กรัสเซลชื่อ แฮปปี้

แฮปปี้ถูกรับเลี้ยงให้คุณแม่เลี้ยงเนื่องจากลูก ๆ เห็นว่าแม่ของตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรมากนัก รวมถึงลูกหลานต้องเข้าเมืองไปทำงานหาเลี้ยงชีพ แต่พอแฮปปี้เข้ามาอยู่ในชีวิต แม้ส่วนมากจะเป็นเสียงบ่น เสียงดุ แต่เสียงเหล่านั้นกลับกลายเป็นสัญญานที่ดีของสุขภาพจิตที่ดีขึ้นของครอบครัวนี้

“เวลาที่เห็นแม่นั่งซึม ผมมักจะคาบไก่โอ๊กที่พี่ซื้อให้มาชวนแม่เล่น แล้วก็กดให้มันร้องโหยหวน แม่ขำทุกที”

“ผมนึกว่าเราจะใช้ชีวิตด้วยกันนานกว่านั้นซะอีก”

“หลังจากแม่ตายไป บ้านก็ว่างเปล่า ว่างเปล่าที่ไม่ได้แปลว่าบ้านโล่ง ข้าวของทุกอย่างยังถูกวางไว้เหมือนเราอยู่ด้วยกัน แต่มันกลับว่างเปล่า มันเงียบจนน่ากลัว”

“แต่มันต่างไปมาก ระหว่างการมีชีวิตกับการได้ใช้ชีวิต”

ท้ายจดหมาย แฮปปี้แค่อยากให้หมาที่รักสักตัวได้เล่นของเล่นที่มันมีความสุขร่วมกันกับคุณแม่ และหวังว่าชีวิตต่อไปจะได้ถูกใช้อย่างมีความหมายอย่างที่เคยได้ใช้มาแล้ว

แต่ไก่โอ๊กที่แฮปปี้ส่งคืนมาให้กลับยิ่งตอกย้ำความห่วยแตกของมนุษย์ เพราะหลังจากที่คุณแม่ตายลง แฮปปี้ต้องทนอยู่กับบ้านว่างเปล่าหลังนั้น โดยมียายสี เพื่อนบ้านคอยมาปัดกวาดและให้อาหารเท่านั้น โดยที่ลูกหลานต่างเกี่ยงกันว่าใครจะดูแลแฮปปี้ ทั้ง ๆ ที่มันได้ทำหน้าที่ลูกอีกคนมาอย่างดีในเวลาที่ผ่านมาแท้ ๆ 

จะบอกว่ามนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายและเลือดเย็นก็ไม่แปลก อย่าว่าแต่สัตว์เลย กับเพื่อนร่วมสปีชีส์เดียวกันเราก็ทำลายกันลงด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะการทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์หลายแห่งที่ต้องการให้พวกมันคลอดลูกออกมาเพื่อนำไปขายและไม่เคยให้การเลี้ยงดูมันที่ดีเท่าที่ควร

ถึงคุณใจดีที่รับเลี้ยงน้องบัตเตอร์

“ฉันชื่อ NO.5 ค่ะเป็นแม่หมาโกลเด้นฯ ของบัตเตอร์ จำได้ไหมคะเราเคยเจอกันครั้งหนึ่ง ในกรงของฉันแม่หมาทุกตัวจะมีแค่ป้ายชื่อ NO.5 ทันทีที่ตัวไหนตายก็จะมีตัวใหม่เข้ามาแทนและสวมป้ายชื่อนี้

ที่ดาวหมากว้างขึ้นเยอะเลยค่ะ ไม่แออัดเหมือนอยู่ในกรงและต้องฝึกตั้งท้องและคลอดลูกบ่อย ๆ อีกแล้ว

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาฉันเห็นชีวิตของแม่หมาหลายตัวที่ต้องตายจากไปเพราะคลอดลูกไม่ไหว อีกทั้งอาหารการกินของเราก็ไม่ได้ดีนัก ต้องพยายามตั้งท้องให้ได้เรื่อย ๆ เพื่อมีชีวิตต่อไป พวกเราจะออกนอกกรงเฉพาะเวลาที่เราคลอดลูก แต่ในความเป็นจริงแล้วที่นี่ไม่ใช่ที่ ๆ หมาควรจะอยู่ ฉันเคยได้ใช้ชีวิตจริง ๆ มีเจ้าของ มีบ้าน แต่พอหลังเขาจากไป ฉันก็มาติดอยู่ที่กรงแห่งนี้ ที่ ๆ ไม่ใช่ที่หมาควรใช้ชีวิต แต่ฉันก็อยู่มาจนวันสุดท้าย”

“บัตเตอร์เป็นหมาตัวสุดท้ายพร้อมกับพี่น้องอีก 3 ตัว เขาเรียนรู้เร็ว รู้จักรอ ไม่เข้าร่วมสงครามแย่งเต้านม ทุกครั้งที่ฉันไม่สบายก็จะมีเขาคอยกระวนกระวายและมาซุกตัวใกล้ ๆ คอยปลอบฉันอยู่เสมอ แต่พอนานวันเข้า พี่ ๆ ของเขาก็ถูกซื้อไปเสียก่อน แน่ละ ไม่มีใครอยากได้ลูกหมาผอมกะหร่องขี้โรค แล้วตอนนั้นคุณก็มา”

“คุณยืนมองเขาอยู่นานแม้ว่าจะมีลูกหมาที่ดูอวบอ้วนแข็งแรง แต่สายตาของคุณเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและแผ่วเบา ทะนุถนอมอย่างคนที่รู้สิ่งบอบบางที่ล้ำค่า ไม่เหมือนใครคนก่อน ๆ ที่เคยมา”

“ป้ายหมายเลขพลาสติกนี้อาจเป็นของที่ดูไม่มีค่าอะไร แต่เป็นของล้ำค่าอย่างเดียวที่มีของฉัน คุณมีของแบบนี้เหมือนกันมั้ยคะ ของที่ดูไม่มีค่าอะไรเลย ไม่มีประโยชน์ใช้สอย แต่ทำให้นึกถึงความทรงจำที่งดงามเรืองรอง”

“เขาอาจจะไม่ใช่หมาที่วิ่งเร็ว วันหนึ่งเขาอาจทำข้าวของคุณแตก และเขาจะรักคุณมากเหมือนที่ฉันเคยได้รักเขา เขาคือสิ่งเดียวที่เหมือนหัวใจที่เต้นอยู่นอกกายของฉัน”

“ขอบคุณที่ให้ลูกของฉันได้มีชีวิต ไม่ใช่แค่หมาเหลือทิ้งที่ปล่อยให้ตายอยู่ในฟาร์มที่รอวันตายเหมือนแม่ ขอบคุณที่ทำให้ชีวิตของเขามีความหมาย และขอบคุณที่ทำให้ชีวิตของฉันจบลงด้วยรอยยิ้ม”

จากแม่หมา NO.5

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิต เพื่อเสียดายทั้งชีวิต มานั่งนึกย้อนดูรอบกายก็เต็มไปด้วย ‘ความน่าจะทำ’

การมีอยู่ของดาวหมา อาจหมายถึงคำภาวนาของมนุษย์ที่อยากให้ความน่าจะทำหายไป อย่างเรื่องที่อยากให้หมาได้ถูกรักอย่างที่ตัวเราเองหรือสปีชีส์ของเรารักมันได้ไม่เท่าที่ควร

การระลึกถึงความตายของหมาที่รักจากในหนังสือพัสดุจากดาวหมา ไม่เพียงแต่ทำให้เราเห็นคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ผ่านมาในชีวิตเรา แต่มันทำให้มองเห็นช่วงเวลาแสนสั้นในจักรวาลนี้ ว่าเรายอมใช้มันไปกับเรื่องเจ็บปวด คราบความหลัง และอนาคตที่ไม่เคยมาถึงมากเสียจนไม่เคยตระหนักว่าสิ่งมีชีวิตที่ยอมให้ทั้งจักรวาลกับเรา และเรามีของล้ำค่าถึงขนาดนั้นแต่ไม่ได้ทะนุถนอมมันเลย

บางครั้งหมารักเรา เพื่อให้เราเรียนรู้ว่าความรักหน้าตาเป็นยังไง และคาดหวังให้เรารักตัวเองมากขึ้นสักนิดก็ยังดีละมั้ง

ตลอดภารกิจของการส่งพัสดุในค่ำคืนนั้น ดูเหมือนว่าหมาที่รักจะทำหน้าที่เยียวยามนุษย์ผู้ที่มันรักจนถึงดาวหลังความตาย พัสดุที่ตกค้างกลับกลายเป็นเรื่องราวที่ยังค้างคาใจของหมาที่อยากทำให้มนุษย์ไปต่อข้างหน้าและฝากความหวังว่าหลังจากนี้ขอให้เขาได้มีความสุขกับชีวิตอย่างที่ควร

แม้ว่าตลอดชีวิตของมันจะใช้ชีวิตอย่างโง่ และซื่อบื้ออย่างที่มนุษย์คิดกับมันตลอดมา

หลายครั้งที่ภาระหน้าที่หรือการตัดสินใจบางอย่าง ได้ทำให้เราละเลยหลายสิ่งอย่างไปในชีวิต บางครั้งเรากลับเอารัดเอาเปรียบจากใครคนอื่นทั้งที่รู้และไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวแผลเหล่านั้นกลายเป็นรอยลึกในใจ ที่ยังคงเป็นแผลสดอยู่เสมอเพราะมนุษย์กลับเกามันทุกเวลา

หมาที่รักคงอยากบอกพวกเรา ว่า อย่าได้มีพัสดุตกค้างในใจไว้มากมายเลย นอกจากมันจะหนักและเป็นภาระในเวลานาน คลังความสุขของเราก็ถูกเบียดเสียดจากความ ‘น่าจะทำ’ เหล่านั้น อย่างเช่นที่แม่หมา NO.5 และ แฮปปี้คาดหวังให้มนุษย์ได้ใช้ชีวิตมากกว่าที่พวกมันได้รับมา บางทีพัสดุเหล่านั้นก็สามารถจ่าหน้าซองและส่งออกไปอย่างง่ายดายด้วยแสตมป์ ‘ขอบคุณ’ และ ‘ขอโทษ’ ก็เป็นได้

แล้วคุณล่ะ มีพัสดุ ‘น่าจะทำ’ ตกค้างในใจบ้างไหม