แม่ผู้ซึ่งไม่อยู่ค้ำฟ้า - Decode

แม่ผู้ซึ่งไม่อยู่ค้ำฟ้า

Human & SocietyGender & SexualityLife Matters
Reading Time: < 1 minute

ประเทศเต็มไปด้วยคำตอบอันปราศจากคำถาม

วีรพร นิติประภา

ถ้าคุณรู้ว่าลูกของคุณจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แค่อีกเพียงเดือนเดียว คุณจะเลี้ยงเขาแบบไหน  

คุณจะปล่อยให้เขากินขนม เล่นเกมดึกดื่น ไม่อาบน้ำ ไม่ทำการบ้าน ทำบ้าทำบอเต้นเกาหลีแบบที่คุณคิดว่าไร้สาระมั้ย คุณจะยอมให้เขาทำสิ่งต่าง ๆ ที่คุณเคยคิดว่าไม่มีแก่นสารอย่างอ่านการ์ตูน ดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่มั้ย หรือกระทั่งยอมให้เขาทำเรื่องที่คุณคิดว่าคอขาดบาดตายอย่างมีความรัก หรือกระทั่งรู้จักความใคร่ก่อนวัย คุณจะยอมให้เขาได้ลองทำสิ่งที่คุณรู้ทั้งรู้ว่าจะทำให้เขาต้องเสียอกเสียใจ ชีวิตพังทลาย แหลกสลายมั้ย   

คุณจะอยากให้เขาได้รู้จักสุข ทุกข์ เข้มแข็ง เปราะบาง หลงใหลใฝ่ฝัน และทุกสิ่งทุกอย่างที่ชีวิตหยิบยื่นให้ ได้ลึกซึ้งชีวิตถีงความหมายของชีวิตอันเป็นสิ่งเดียวที่เรามีนี้… ก่อนจะจากไปหรือไม่ และคุณจะเสียใจมั้ยถ้าเขาละจากชีวิตแสนสั้นนี้ไปโดยไม่รู้อะไรเลย …คุณรวดร้าวเพียงไรกับการทำให้เขาต้องเสียน้ำตาอีก

แล้ว… ถ้าคุณรู้ว่าตัวคุณเองจะมีชีวิตอยู่ต่อได้แค่อีกเพียงเดือนเดียว คุณจะเลี้ยงลูกของคุณแบบไหน  

คุณจะยังคอยขัดใจและจ้ำจี้จ้ำไชให้เขาทำอย่างใจคุณมั้ย  คุณจะพร่ำพล่ามชี้นำเขาให้ทำสิ่งต่าง ๆ แบบที่คุณทำตามที่คุณเชื่อ …เพื่อจะมีชีวิตอยู่ในโลกที่คุณจะไม่มีวันได้เห็นมั้ย คุณจะปล่อยให้เขาเคว้งคว้างหลงทางเมื่อไม่มีคุณอยู่ตรงนี้คอยบอก …หรือสอนเขาให้แสวงหาหนทางด้วยตัวเอง เติบโตและอยู่ไปตลอดจนถึงอีกฟากฝั่งให้ได้ด้วยตัวเอง  

คุณจะยินดีมั้ย ถ้าเขาจะได้ลองผิดลองถูกและได้ทำทุกอย่าง ได้ผิดพลาดและล้มเหลวอย่างปุถุชนคนทั่วไปและปล่อยให้ชีวิตเป็นผู้สอนเขา …คุณจะโอนอ่อนและเชื่อมั่นในชีวิตที่สั้นแสนสั้นนี้มั้ย ว่ามันแข็งแกร่งกว่าคุณ …กว่าเราทุกคน และลูกของคุณจะผ่านโลกที่ไม่สมบูรณ์แบบนี้ไปโดยไม่เป็นไรเลย และลุกขึ้นยืนใหม่ได้เสมอ 

คุณจะทำแตกต่างไปจากที่กำลังทำอยู่หรือไม่  

คุณจะอ่อนโยนขึ้น และสงบลงมั้ย ไม่แค่กับลูก ๆ แต่รวมถึงบุพการีน้องพี่และทุกคนที่คุณรู้จัก …หากตระหนักว่าเราทั้งหมดมีเวลาจำกัดแค่ไหน และชีวิตซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เรามี  …ไม่จีรัง ไม่เป็นนิรันดร และยังสามารถสิ้นสุดหลุดลอยไปได้ทุกชั่วขณะจิต

เราเรียกร้องให้ลูกต้องเป็นคนดี …ถึงขั้นกดดันบางครั้ง  เราชี้นำให้เขาเป็นนั่นเป็นนี่ ปิดกั้นไม่ให้เขาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่าง และจำกัดเขาให้อยู่แต่ในลู่ทางที่เราเห็นว่าดีและใช่ในทัศนะของเรา …และในนามความหวังดี โดยไม่เคยแม้แต่หยุดคิดว่าทั้งหมดเหล่านี้จำเป็นจริง ๆ หรือไม่ และแค่ไหน ต่อเมื่อเราสำเหนียกว่าเวลาเหลือน้อยและจำกัดเพียงไรนั่นแหละ ที่เราถึงจะเข้าใจว่าอะไรเป็นสิ่งจำเป็น อะไรไม่ อะไรสำคัญ และอะไรไม่   

อะไรเป็นเพียงแค่เพราะเราต้องการให้ใครได้อย่างใจเรา  โดยลืมไปว่าแม้แต่ตัวเราเองก็ไม่อาจทำได้อย่างใจเราเองทุกอย่าง หรือเป็นเพียงเพราะเราคิดว่าเขาเป็นสมบัติของเรา เพราะการสามารถควบคุมใครสักคนได้ทำให้เรารู้สึกมีอำนาจ …อำนาจแบบเดียวกับที่พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา อำนาจแบบที่ใคร ๆ ใช้   

อำนาจเบบเดียวกับที่รัฐใช้ควบคุมเราลงมาเป็นทอด ๆ  จากรัฐลงมาหน่วยงานการศึกษา มหาวิทยาลัย โรงเรียน  ที่ทำงาน บ้าน …สังคม ยกตัวอย่างเช่น เมื่อรัฐต้องการดูดีมีศีลธรรมก็ออกกฎห้ามบังคับขายเหล้าเป็นเวลา โดยอ้างว่าประชากรจะได้กินเหล้าน้อยลง ทั้ง ๆ ที่ผู้คนก็ซื้อตุนไว้เพื่อดื่มได้ตลอดทั้งวันอยู่ดี หรือความพยายามที่จะปิดกั้นเยาวชนให้ไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องเพศด้วยการไม่ยอมให้เด็กเข้าถึงอุปกรณ์คุมกำเนิดได้ง่าย ๆ และปล่อยให้เด็ก ๆ เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อทางเพศ หรือกระทั่งเอดส์ รวมทั้งเสียชีวิตจากการทำแท้งเถื่อน มิหนำซ้ำยังให้เด็กที่ตั้งครรภ์ต้องออกจากระบบการศึกษา เพื่อจะกลายมาเป็นแม่ที่ไม่มีความรู้ความสามารถพอจะดูแลตัวเองได้   

เราห้าม เราบังคับ เรากีดกัน เราล้มเหลวกระทั่งสอนให้คนเข้าใจและทำเองด้วยจิตสำนึกโดยไม่ต้องบีบบังคับหรือคาดโทษ เราควบคุมไม่ให้เด็ก ๆ ได้ลองผิดลองถูก ได้ผิดพลาด ได้ล้ม ยิ่งกว่านั้นเรายังไม่สอนลูก ๆ ถามคำถามพื้น ๆ เกี่ยวกับชีวิต อย่างเราเกิดมาทำไม ชีวิตคืออะไร อยากเป็นใคร เพราะเรากลัวว่าเขาจะเลือกเป็นในสิ่งที่เราไม่รู้จัก  ควบคุมไม่ได้  แนะนำไม่ได้ ดูแลไม่ได้ และจะหาเลี้ยงดูแลตัวเองรวมถึงเราเมื่อแก่ตัวลงไม่ได้

และทั้งหมดก็เพียงเพราะเราถูกเลี้ยงมาแบบนั้น และที่เราถูกเลี้ยงมาแบบนั้นก็เพราะเราเป็นประเทศที่มีรัฐบาลทหารบ่อยครั้ง หลายครั้งยังยาวนานจนโครงสร้างสังคมกลายเป็นอำนาจนิยม จนเราไม่รู้สึกผิดปกติต่อการใช้อำนาจ แต่ที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด เราไม่มีระบบรัฐสวัสดิการที่ดีพอรองรับผู้คนยามร่วงหล่น เราจึงสอนให้คนทุกคนให้ทำงานเพื่อเงิน และละเลยสิ่งที่ให้ผลตอบแทนทางใจ ไม่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เป็นพลังใจ หรือสิ่งที่จะทำให้การมีชีวิตอยู่มีความหมาย

ความตายที่มาถึงได้ทุกเมื่อไม่ใช่เรื่องสมมติ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า…คุณก็ทราบ เราต่างก็รู้ดีว่าทุกคนต้องตาย พอ ๆ กับการมาของความตายไม่ได้มีการเตือนล่วงหน้าเสมอไป  มีคนมากมายจากไปโดยไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว เราต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีว่าชีวิตเปราะบางแค่ไหน แต่เรากลับเลือกหลอกตัวเอง เมินหน้าหนีความตายอันเป็นสัจธรรม ใช้ชีวิตประหนึ่งเราเป็นอมตะและความตายอยู่ห่างไกลแสนไกล

แม้วันแม่จะผ่านไปแล้ว แต่ก็อยากชวญเชิญให้พ่อและแม่ถามคำถามง่าย ๆ นี้ …เราจะทำอย่างไรถ้าเราต่างไม่มีเวลาในชีวิตมากพออีกต่อไป

แล้วเราก็จะรู้เองว่าเราจะต้องดูแลลูก ๆ และบุพการี  ปฏิบัติต่อพี่น้อง เพื่อนฝูง คนรู้จักของเราแบบไหน เราจะยังใช้เวลามากมายกับดราม่าต่าง ๆ และเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างที่ทำอยู่นี้มั้ย เราจะทำงานหนักเพื่อซื้อหาสิ่งที่เราไม่ต้องการมั้ยจนไม่มีเวลาอยู่กับคนที่เรารักมั้ย เราจะยังอยากให้ลูก ๆ ใช้เวลาทั้งวันทุกวันของเขาหมดไปกับการทำงานที่เขาไม่ชอบ และไม่มีผลตอบแทนทางใจ แค่เพื่อจะจ่ายภาษีและตายจากไร้ความหมายอย่างที่ทำอยู่อีกหรือไม่

แน่นอนว่า มันไม่ได้มีคำตอบตายตัวหรอก แต่อย่างน้อย ๆ  ความเปราะบางของการมีชีวิตอยู่ก็อาจช่วยให้เรามองเห็นความเป็นไปได้อันเป็นอนันต์อื่น ๆ และอาจไม่ต้องใช้ชีวิตแบบที่เราไม่ชอบ และไม่ใช่ …ตลอดไป