Reading Time: 3 minutes
มันเริ่มต้นที่บ้านหลังหนึ่ง
บ้านสองชั้นหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ในหมู่บ้านชื่อย่อ ก. ใกล้สนามบินเชียงใหม่ พื้นชั้นบนปูลามิเนตหนา 12 มม. มีประตูรีโมทหน้าบ้านบานเบ้อเริ่ม พร้อมสนามหญ้ายอดสูงเท่าตาตุ่ม และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคาร
ห้ามบุกรุก!
“ยังใหม่อยู่นะ” เธอพูด
ฉันพยักหน้า
“เงินก็หายากขนาดอิหล้า ผ่อนไปผ่อนมาเงินต้นบ่ลดสักน้อย”
ผ่อนไม่ไหวเขาก็ยึด ยึด ยึด
ในสถานการณ์ที่แย่ ถ้าเปลี่ยนคำว่า ห้ามบุกรุก !
เป็นคำว่า DON’T PANIC ก็คงจะเป็นมิตรกับน้าข้างบ้านอยู่ไม่น้อย
คล้ายฉากตอนที่มนุษย์ต่างดาวยื่นหนังสือให้อาร์เธอร์
หนังสือคู่มือนักโบกน่ะ ที่หน้าปกสลักข้อความ “อย่าตื่นตระหนก”! มันเป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถให้คำตอบได้ทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องอะไรก็ตามที่เราอยากรู้ นั่นคือหน้าที่ของมัน จริง ๆ มีคุณสมบัติสำคัญที่ช่วยให้เปรียบเหนือกว่าผลงานรุ่นเก่า ๆ อยู่สองประการ ประการแรก มันราคาถูกกว่าซื้อแพ็กเกจ Premium อยู่นิดหน่อย และประการสอง มันมีประโยคที่เขียนว่า DON’T PANIC ตัวพิมพ์ใหญ่ภาษาอังกฤษ อ่านง่าย แลดูเป็นมิตร
ถึงอย่างนั้นเรื่องราวของวันพฤหัสฯ อันแสนเลวร้ายถึงขั้นไม่มีที่ซุกหัวนอนก็มีชะตากรรมของมนุษย์ที่ผูกโยงกับหนังสือเล่มนี้อย่างแยกไม่ออก แม้จะพลิกดูปกหลังเป็นรอบที่สามแล้วก็ตาม
อย่าตื่นตระหนก ก็แค่วันพฤหัสฯ ธรรมดาวันหนึ่งที่โลกกำลังจะแตกในสาม สอง หนึ่ง !
ท่ามกลางจักรวาลไพศาลบานเบ้อเร่อนี้
กฎฟิสิกส์สาขาความไม่น่าจะเป็น กำลังทำงานอย่างขมีขมัน
อาร์เธอร์ เดนต์ นอนหลาอยู่ในโคลน ขวางรถแทรกเตอร์ที่จะเข้ามาพังบ้านที่กำลังจะกลายเป็นทางด่วนในไม่ช้า แต่อนิจจาเขาก็เป็นมนุษย์คนเดียวที่รอดชีวิตจากอุบัติภัยโลกแตก แถมตกกระไดพลอยโจนร่วมขบวนท่องกาแล็กซีไปกับมนุษย์ต่างดาว นักโบกยานอวกาศนาม ฟอร์ด พรีเฟกต์ มนุษย์ต่างดาวที่ดันมาติดแหง็กบนโลกถึงสิบห้าปีที่เอาแต่บอกให้ ใจเย็น ๆ อย่าตื่นตระหนก เราจะพาคุณออกจากโลก พร้อมเพื่อนร่วมเดินทางป่วนประสาทอย่างคอมพิวเตอร์เจื้อยแจ้ว และหุ่นกระป๋องซึมเศร้าที่เฝ้าคร่ำครวญแต่เรื่อง “ชีวิต” คู่มือท่องกาแล็กซีฉบับนักโบก จึงเป็นนิยายไซไฟคอเมดี้ที่เสียดสีมนุษย์อย่างแสบสันต์ ทำให้ผู้เขียน ดักลาส อดัมส์ กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดข้ามรุ่น และ ‘Don’t panic’ กลายเป็นวลีเด็ดในกลุ่มวัยกลางคนที่แตกหัก ผุพัง และเหนื่อยล้ากับชีวิตและสรรพสิ่ง
การโคจรกลับมาเจอกับมนุษย์โลกใน พ.ศ.นี้อีกครั้ง ในรอบ 13 ปี ยังคงเป็น “A must” ของคออ่านนิยายไซไฟ แน่นอนว่าต้องมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว ไอเท็มสำคัญที่สุดของนักโบกแห่งกาแล็กซีที่จะต้องมีในครอบครอง ผู้แปลอย่างแทนไท ประเสริฐกุล แปลและเกลาสำนวนใหม่ให้อรรถรสสด-ใหม่ในแบบฉบับเสียงทุ้ม แม้เสือยิ้มยากยังขำตัวโยกไปกับมุก “โปรดระวังเสือดาว” กระทั่ง ล้อเลียนเอเลียน ที่ชอบวางกล้าม น้ำใจตายด้าน ไม่ยอมกระดิกนิ้วช่วยยายของตัวเอง พร้อมลายเซ็นสามชุด เอกสารหาย ค้นเจอ แล้วก็หายอีกรอบ(ฮา)
ต่อให้อ่านไปได้ครึ่งเรื่องก็คาดเดาไม่ได้ว่าเรื่องราวจะพาเราไปเจอชะตากรรมแบบไหน อาจเพราะมันแหกขนบไปจากสิ่งที่ฉันคิดจาก “ความน่าจะเป็น” ทั้งท้าทายจารีต และอัดแน่นไปด้วยแฟนตาซีที่เกินจะจินตนาการได้ ถ้าใครสักคนกระโจนสู่อวกาศกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาว โดยมีสิ่งของติดตัวเพียงผ้าเช็ดตัว กับหนังสือคู่มือนักโบก
การผจญภัยที่วายป่วงได้เริ่มต้นไปสู่ปลายเปิดของคำถามยิ่งใหญ่ระดับอภิปรัชญาแห่งชีวิต จักรวาล และสรรพสิ่ง
“นี่มันอะไรวะเนี่ย” ใครคนนึงพูด
อีกคนคิด แม้ในวันโลกาวินาศแท้ ๆ ไม่ว่าบ้านของอาเธอร์จะถูกทำลายหรือไม่ถูกทำลาย ก็ไม่ได้สลักสำคัญ แม้แต่ปลายเสี้ยวไตหมาดิงโก้ จึงไม่น่าแปลกใจ ถ้าในหายนะทั้งปวง จะมีแค่ฟอร์ด พรีเฟกต์ มนุษย์ต่างดาวคนนั้นที่นิ่งงัน แหงนมองท้องฟ้า รูหูของเขาอุดแน่นด้วยจุกยาง เขารู้ดีว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับโลก
แต่สิ่งแรกที่เขาทำคือรีบเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบบทละครเรื่อง โจเซฟกับเสื้อคลุมวิเศษสารพัดสี ขึ้นมา แล้วโยนทิ้งไป บทเรื่อง ก็อดสเปลล์ ก็โยนทิ้งไปเช่นกัน เพราะในที่ที่เขากำลังจะไป ไม่มีความจำเป็นสำหรับสิ่งเหล่านี้อีกแล้ว
ในกระเป๋าสะพายของฟอร์ด ใต้คู่มือนักโบก ยังมีสมุดจดบันทึกอีกหนึ่งเล่ม และผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่อีกหนึ่งผืนที่ซื้อมาจากร้านมาร์กส์แอนด์สเปนเซอร์ ในคู่มือท่องกาแล็กซีฉบับนักโบก มีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่อุทิศให้กับเรื่องผ้าเช็ดตัวว่าเป็นสิ่งทรงคุณค่ามหาศาลเกือบจะที่สุดในบรรดาสิ่งของจำเป็นทั้งหมดที่เหล่านักโบกยานอวกาศจะสามารถนำติดตัวไปได้ ในด้านหนึ่ง ผ้าเช็ดตัวมีประโยชน์ใช้สอยอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน ทั้งยังใช้เป็นใบเรือสำหรับล่องแพไปตามสายน้ำที่ไหลอืดเอื่อยของแม่น้ำมอธ หรือจะทำให้เปียกก่อนแล้วใช้เป็นอาวุธต่อสู้ในระยะประชิด และใช้โบกไปมาเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน
มากไปกว่านั้นในทางจิตวิทยา จะด้วยเหตุผลใดยังไม่มีใครทราบแน่ชัด เวลาที่พวก สแตร็ก หรือคนที่ไม่ใช่นักโบกอวกาศ ค้นพบว่า นักโบกคนใดมีผ้าเช็ดตัวติดมาด้วย พวกมันจะสรุปไปเองโดยปริยายว่า นักโบกผู้นี้น่าจะเป็นเจ้าของแปรงสีฟัน ผ้าเช็ดหน้า สบู่ กระป๋องบิสกิต กระติกน้ำ เข็มทิศ แผนที่ เชือก ด้าย สเปรย์กันแมลง เสื้อกันฝน ชุดอวกาศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นผลพลอยได้อีกข้อก็คือ พวกสแตร็กมันรู้สึกไว้วางใจนักโบกสามารถหยิบยืมเครื่องอุปโภคต่าง ๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้น และของอื่น ๆ อีกมากมายหลายสิบ ซึ่งนักโบกอาจบังเอิญทำหายระหว่างเดินทาง ก็เพราะมุมมองของสแตร็ก ชายใดก็ตามที่สามารถโบกยานท่องเที่ยวไปได้ทั่วทั้งอวกาศเจ็ดย่านสมุทรสุดขอบกาแล็กซีผ่านมาทุกสถานการณ์ ตกระกำลำบาก บุกตะลุยภัยอันตรายต่าง ๆ นานา รอดชีวิตเสี่ยงตายมาได้อย่างเฉียดฉิว แล้วยังอุตส่าห์รู้ได้อีกว่า ผ้าเช็ดตัวของตัวเองอยู่ที่ไหน เขาผู้นั้นย่อมนับว่า เป็นยอดวีรชนคนกล้าที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
บลา บลา บลา อย่างยืดยาว
แต่เชื่อไหม ใน คู่มือนักโบก พูดถึงโลกเราไว้กระจ้อยร่อย
“ปลอดภัยเป็นส่วนใหญ่”
มิหนำซ้ำยังเสียดสีความสูงส่งของมนุษย์ที่คิดตัวเองอยู่เหนือสรรพสิ่ง อย่างเรื่องทางด่วน ในสายตาของมนุษย์ต่างดาวให้อธิบายว่ามันคือสิ่งประดิษฐ์จากจุด A ไปยังจุด B ได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็อนุญาตให้คนอีกกลุ่มเดินทางจากจุด B ไปยังจุด A ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่คนที่อาศัยอยู่ตรงซี มักจะถูกทิ้งให้สงสัยว่า มันมีดีอะไรนักหนา คนจากจุด A, B ถึงได้อยากแห่กันไปนัก
หรือเรื่องไม่เป็นเรื่องที่ “มนุษย์อาจต้องคอยบริหารกล้ามเนื้อปากตลอดเวลาไม่งั้นสมองจะเริ่มตาย” กระทั่งเรื่องบ้านที่เป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะ ในสายตาของมนุษย์ต่างดาวตัดสินไปแล้วว่า “มนุษย์มีบ้านที่ปิดซ่อนความดูดีไว้อย่างอัปลักษณ์” แต่เจ็บปวดยิ่งกว่า ถ้ามนุษย์ดูแคลนกันซึ่งหน้า
“บ้านมันก็ใช่ว่าจะดูดีอะไรหนักหนานะคุณ”
“โทษนะ ก็ผมชอบของผมน่ะ คุณจะทำไม?”
หุบปากไปเลย! อาเธอร์พูด “ช่วยเงียบ ๆ แล้วไปไกล ๆ เลย
อย่าลืมหอบไอ้ทางด่วนงี่เง่าของคุณกลับไปด้วยล่ะ…”
ปากอีกคน อ้า ๆ หุบ ๆ อยู่หลายรอบ ในขณะที่ภาพของบ้านเก่ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวอันวิงเวียนของมนุษย์ อาเธอร์ ไม่มีทางที่จินตนาการของเขาจะรองรับความหนักหน่วงทั้งหมดของการที่อยู่ดี ๆ โลกทั้งใบก็หายไปในพริบตา จากนั้นเขาก็นึกถึงคนแปลกหน้าที่ไม่ได้รู้จักอะไรกันเลย เป็นแค่คนที่ยืนต่อคิวอยู่ข้างหน้าขณะรอจ่ายเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเมื่อสองวันก่อน
คราวนี้รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซูเปอร์มาร์เก็ตไม่มีอีกแล้ว อนุสาวรีย์เนลสันถูกทำลาย แต่ไม่มีใครออกมาประท้วงเพราะไม่เหลือคนให้ประท้วงได้อีก ต่อมา เงินดอลลาร์ เขาคิด “เงินดอลลาร์มูลค่าหด เศรษฐกิจตกต่ำตลอดกาล” ข้อนี้ทำให้เนื้อตัวเขาสั่นเทาเล็กน้อย จนมาถึงฉากตอนจบอาร์เธอร์หันไปมองรอบ ๆ อีกครั้ง วินาทีนั้นเขาก้มมองสารรูปของตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อผ้ายับยู่และเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกชุดเดียวกับที่ใส่นอนแช่โคลนเมื่อเช้าวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมากับปมปริศนา
“ชีวิตหนอชีวิต ช่วงนี้ช่างลำบากยากเข็ญเสียเหลือเกิน”
เขาพึมพำกับตัวเอง บางขณะฉันคิดว่า อาเธอร์กำลังพูดและรู้สึกแทนเราที่รอด แต่ก็ไม่เคยชนะในระบบสักครั้ง เพราะต่อให้มนุษย์ต่างดาวจิกกัด ด้อยค่ามนุษย์ขนาดไหน ก็ไม่เจ็บปวดเท่ามนุษย์เหยียบย่ำกันเอง หนังสือเล่มนี้อาจไม่ได้ล้มล้างต่อต้านความคิดจารีตนิยมที่ยึดมั่นในตัวตนและปัญญาของมนุษย์ แต่เป็นการขยายความเข้าใจต่อ “ความเป็นมนุษย์” ผู้ไม่เคยมั่นคงและมีเอกภาพ แม้ในวันพฤหัสฯ อันวอดวาย มนุษย์ก็ตกอยู่ในสถานะสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ฉลาดไปกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น หรือไม่ก็อาจเป็นเพียงสายพันธุ์นึงที่เอาชีวิตให้รอดท่ามกลางเอกภพอันกว้างใหญ่และเส้นทางที่ไม่มีจุดสุดท้าย ทั้งต่ำต้อยและเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนอยู่ตลอดเวลา
ราวกับว่า สิ่งที่ตามมาหลังจากเสียงล็อกกุญแจ ติดป้ายประกาศที่ตรงนี้ ขาย!
ครืดดดดด เกร๊ก!
แล้วจากนั้นคือ ความเงียบ เพียงในมือกอบกำ คู่มือนักโบก และคำปลอบโยน DON’T PANIC
Playread : คู่มือท่องกาแล็กซีฉบับนักโบก (ปรับปรุงใหม่) Douglas Adams เขียน แทนไท ประเสริฐกุล แปล สำนักพิมพ์ : Bookscape
PlayRead : คอลัมน์รีวิวหนังสือประจำ Decode.plus เมื่อกองบรรณาธิการขอ add หนังสือ (ที่อยากอ่าน)ไว้ในเพลย์ลิสต์ พบกับหนังสือหลากหลายสไตล์ หลากหลายวิธีการเล่าเรื่องที่เชื่อมร้อยกับชีวิตและสังคม แวะมาหาอ่านกันได้ทุกเย็นวันพฤหัสบดี