‘ข้าราชการไทยอยู่ยาก’ รื้อรัฐราชการสธ. เหนือจรรยาบรรณแพทย์
Reading Time: 3 minutesการรวมศูนย์อำนาจของระบบสาธารณสุขที่เป็นระเบียบแบบแผนการทำงานควบคุมโครงสร้างของรัฐ โดยใช้ระบบ Unity of Command กำลังเผชิญวิกฤตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
Reading Time: 3 minutesการรวมศูนย์อำนาจของระบบสาธารณสุขที่เป็นระเบียบแบบแผนการทำงานควบคุมโครงสร้างของรัฐ โดยใช้ระบบ Unity of Command กำลังเผชิญวิกฤตอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
Reading Time: 3 minutesแม้แต่ข้าราชการที่สังคมเห็นประจักษ์ชัดว่า ไม่ได้ทำเฉพาะงานประจำ หากแต่ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ยังถูกสอบสวนด้วยกระบวนการที่ไม่เป็นธรรมและให้ออกจากราชการได้ง่าย ๆ
Reading Time: 3 minutesบันทึกประวัติศาสตร์ของการชนะคดีสิ่งแวดล้อม แต่เป็นผู้แพ้ในการฟื้นฟูบ้านเกิด นี่จึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการต่อสู้ หากมลพิษยังอยู่และยังไม่ฟื้นฟู บำบัดมลพิษออกจากพื้นที่ก็ยังไม่เป็นชัยชนะที่สมบูรณ์
Reading Time: 4 minutesเมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่อาจเข็นวีลแชร์ขึ้นบัลลังก์ เรื่องราวจาก 'ทนายเคน' ที่ยืนยันว่าไม่ว่าใครก็ทำงานได้ และความพิกลพิการของระบบยุติธรรมที่ส่งผลเสียต่อสังคมมากกว่าร่างกายที่ไม่สมบูรณ์
Reading Time: 3 minutesขยายประเด็น นวลน้อย ธรรมเสถียร ปฏิกิริยาต่อปัญหาชายแดนไทยกับกัมพูชาหนนี้ ทำให้เห็นชัดอย่างหนึ่งว่า กระแสชาตินิยมไทยนั้นปลุกได้ง่ายมาก เราได้เห็นท่วงทำนองชาตินิยมที่ประกอบไปด้วยการทวงบุญทวงคุณ การตำหนิว่า เขมรแอบอ้างสมบัติ หรือมรดกทางวัฒนธรรม การปลุกประเด็นทวงคืนพื้นที่บางแห่ง การสนับสนุนการใช้กำลังตัดสินปัญหา และแน่นอนว่าเราได้เห็นความพยายามที่จะทำให้เสียงที่ “เห็นต่าง” เงียบลง บางทีด้วยการข่มขู่ บางครั้งด้วยความหยาบคาย ด้วยเฮทสปีชที่กำลังกลายเป็นความเคยชินของผู้ใช้โซเชียลไปแล้ว ชาตินิยมอาจมีข้อดีในยามที่ต้องการการรวมพลังสู้ภัยคุกคาม แต่ถ้าไม่ระวังและปล่อยเลยเถิดมันก็อาจจะกลายเป็นภัยที่กัดกินตัวเอง ยังไม่นับว่ามันอาจทำลายโอกาสในการหาทางออกต่อความขัดแย้งแบบสันติ ผู้เขียนอยากจะเล่าเรื่องของชาตินิยมกับผลกระทบที่ฝากเอาไว้อย่างยาวนานในเรื่องหนึ่ง นั่นคือผลของการใช้แนวทางชาตินิยมที่มีส่วนอย่างสำคัญต่อปัญหาความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาตินิยมที่จับต้องได้ง่ายสำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ คือผ่านเสียงเพลง หลายคนคงได้ยินเพลงเก่าที่นำมาร้องกันใหม่หลายเวอร์ชันอย่างเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” เพลงนี้อยู่ในกลุ่มเพลงปลุกใจที่เกิดขึ้นในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สองภายใต้อิทธิพลของกระแสชาตินิยมในยุคที่ จอมพล ป. พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เพลงนี้เป็นเพลงของคณะสุนทราภรณ์ซึ่งแปลงร่างมาจากวงโฆษณาการและทำหน้าที่ช่วยแปลงสารด้านนโยบายไปสู่การปลุกใจให้พลเรือนนำไปปฏิบัติตาม “บ้านเกิดเมืองนอน” เป็นเพลงที่ชนะการประกวดเพลงปลุกใจในปี 2488 เนื้อเพลงเรียกเร้าความภาคภูมิใจตั้งแต่คำแรก ๆ “บ้านเมืองเรารุ่งเรืองพร้อมอยู่หมู่เหล่า พวกเราล้วนพงษ์เผ่าศิวิไลซ์ เพราะฉะนั้นชวนกันยินดี เปรมปรีดีใจเรียกตนว่าไทย แดนดินผืนใหญ่มิใช่ทาสเขา” “ก่อนนี้มีเขตแดนนับว่ากว้างใหญ่ ได้ไว้พลีเลือดเนื้อแลกเอา รบ รบ รบ ไม่หวั่นใคร มอบความเป็นไทยให้พวกเรา แต่ครั้งนานกาลเก่าชาติเราเขาเรียกชาติไทย……” ต้องขีดเส้นใต้คำว่า คนไทยเป็น […]
Reading Time: 3 minutesเสียงของเปอมูดอ มลายูคลื่นลูกใหม่ ในงาน Melayu raya 2025 แรงกระเพื่อมที่พาให้แวรุงชายแดนใต้มารวมตัวกันที่หาดวาสุกรีกว่าแสนคน เพื่อบอกเล่าถึงการกดทับ ยอมรับอัตลักษณ์และตัวตนผ่านบาจูมลายู
Reading Time: 2 minutesความไม่ต่อเนื่องในการเจรจาสันติภาพหลังปลายปี 2567 กระทั่งเข้าสู่เดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ของพี่น้องชาวมุสลิม การเปิดโต๊ะเจรจาที่จะทำให้ข้อตกลงรอมฎอนสันติจึงยังไม่เกิดขึ้น De/code สัมภาษณ์พิเศษ บิ๊กเกรียง อดีตแม่ทัพภาคสี่ และเคยเป็นหนึ่งในเลขาธิการร่วมของคณะพูดคุยโต๊ะเจรจาของฝ่ายรัฐบาลไทย กลับเต็มไปด้วยข้อกังวลที่ยังไม่มีนโยบายที่ชัดเจนต่อการจัดการและสร้างสันติภาพในพื้นที่
Reading Time: < 1 minuteการลอยนวลพ้นผิดถูกสร้างขึ้นมาจนกลายเป็นวัฒนธรรมของรัฐไทยอย่างไร ไล่เรียงมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนมาถึงการรัฐประหาร 2557 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งในช่วงหลังสงครามโลกที่เต็มไปด้วยความไร้เสถียรภาพทางการเมือง จบลงด้วยการทำรัฐประหารของกองทัพในปี 2490 และการก่อตัวของระบอบอำนาจนิยมในสังคมไทย รัฐบาลทหารของจอมพล ป. ที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มการเมืองอนุรักษ์นิยมในขณะนั้นใช้ความรุนแรงหลากหลายรูปแบบในการขจัดผู้ที่เห็นต่างจากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการอุ้มหาย การลอบสังหาร การซ้อมทรมาน กลายเป็นแบบแผนของการใช้ความรุนแรงนอกกฎหมาย ที่รัฐแปลงตนเองจากการเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองประชาชนกลายไปเป็นผู้ที่ใช้กำลังข่มขู่คุกคามและสังหารประชาชนเสียเอง
Reading Time: 3 minutesที่ผ่านมาเรามักมีคำถามกันเสมอว่าเพดานของการแก้ไขปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ของรัฐบาลอยู่ที่ไหน ถ้าพิจารณาเงื่อนไขการพูดคุยสันติภาพระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มบีอาร์เอ็นจะพบว่า มีการกำหนดเอาไว้ว่าการพูดคุยจะต้องกระทำโดยอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ นั่นก็น่าจะชัดแล้วว่า ยกเว้นเรื่องของการแยกดินแดนแล้วเรื่องอื่นๆที่รัฐธรรมนูญยอมให้ทำได้ย่อมเป็นไปได้ทั้งสิ้น หนทางเดินต่อไปในการแก้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องลี้ลับพิสดารอันใด อยู่ที่ว่าจะเสนอกันแค่ไหนและองคาพยพต่างๆของรัฐไทยจะยอมรับกันได้หรือไม่เท่านั้น ผู้เขียนเชื่อว่าข้อเสนอของกรรมาธิการฯจะเป็นเพียงจุดตั้งต้นให้ฝ่ายต่างๆเหล่านี้ได้ต่อรองกัน อย่างน้อยที่สุดก็ในรัฐสภาซึ่งในเวลานี้เห็นชัดเจนว่าฝ่ายที่อนุรักษ์ส่วนใหญ่ไปกระจุกตัวกันอยู่ในกลุ่มสว.และสว.นั่นเองที่เกาะติดการทำงานแก้ปัญหาภาคใต้ของรัฐบาลที่ผ่านมา